โดยจุดที่พบช้างป่าเข้ากินทุเรียนจนได้รับความเสียหายในครั้งนี้ เป็นสวนของนางประเทือง นุ่มน้อย หรือป้าเทือง อายุ69ปี ซึ่งปลูกทุเรียนจำนวน200ต้น บนที่ดิน8ไร่ ซึ่งป้าเทือง พาเข้าไปดูจุดที่ช้างป่าได้หักทำลายต้นทุเรียนอายุ12ปี จนหักไปทั้งหมด4ต้น โดยทุกต้นล้วนติดผลทุเรียนดกเต็มต้น และทุเรียนกำลังแก่จัดที่มีกำหนดตัดขายได้ในวันที่10มิถุนายน นี้ นับแล้วเกือบ400ลูก หวังว่าจะได้เงินจากการตัดทุเรียนขายในชุดนี้ไปใช้หนี้ธนาคารการเกษตรและสหกรณ์ที่เป็นหนี้สินอยู่ 3 แสนบาท ซึ่งทุเรียนป่าละอูจะมีราคาตั้งแต่ 200-250 บาทต่อกิโลกรัม
แต่ป้าเทือง มาพบว่าเช้าที่ผ่านมาทุเรียนได้ถูกช้างป่าในอุทยานแห่งชาติแก่งกราน ที่อาศัยอยู่รอบพื้นที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ เข้าทำลายต้นทุเรียนล้มและกัดกินทั้งหมด ทิ้งไว้เพียงลูกเล็กที่ไม่มีเนื้อ เศษเปลือกทุเรียนกระจัดกระจาย ป้าเทือง ถึงกับโอดครวญที่ต้องสูญเงินกว่า 2 แสนไปต่อหน้าต่อตา
ป้าเทือง เล่าด้วยว่า แต่ละปีที่สวนจะถูกช้างป่าเข้ามากินแล้วหักโค่นต้นปีละนับสิบต้น ทำให้ได้รับความเสียหายมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในครั้งนี้แต่ละต้นที่ถูกหักโค่นล้วนเป็นต้นดกมีทุเรียนจำนวนมาก แม้ที่สวนจะติดสัญญาณไฟไว้แต่ไม่สามารถกันช้างป่าได้
ซึ่งพบว่าช้างป่าอุทยานแห่งชาติกี่งกระจาน ที่มามาอาศัยอยู่ในพื้นที่รอบหมู่บ้านเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และบางส่วนก็น่าจะมาจากบ้านป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี รอยต่อของหมู่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ เพราะพื้นที่ป่าเด็งทำแนวรั้วกั้นช้าเกือบเสร็จแล้ว
ทำให้ช้างป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จากป่าเด็งจึงทะลักมาอยู่ในพื้นที่ป่าละอู ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ นับ 100 ตัว และสร้างความเดือดร้อน อยากให้ภาคราชการช่วยเหลือเยียวยาคนที่เดือดร้อนจากช้างป่าบ้าง
ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ก็อยากได้รั้วกั้นช้างป่า อยากให้สร้างให้เสร็จโดยเร็วที่สุด เพราะคนกับช้างไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้แล้ว หากช้างป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ยังคงทำลายพืชผลทางการเกษตรเช่นนี้ และพบว่าที่ผ่านมาช้างป่า ยังได้เข้าไปรื้อค้น กินอาหารถึงในครัวบ้านของชาวบ้านห้วยสัตว์ใหญ่หลายหลัง ซึ่งที่บ้านของตนเอง พบว่าช้างเคยเข้าไปกินขาหมูที่ต้มไว้ในหม้อจนหมดมาแล้ว