โดยคณะทำงานได้ระดมกำลังตรวจสอบภาพจากวงจรปิดภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ก่อนพบว่ามีกล้องวงจรปิดบริเวณทางเข้าตัวอาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ชั้นที่ 1 สามารถจับภาพผู้ต้องสงสัยที่จะเป็นผู้ที่ลงมือก่อเหตุลอบวางระเบิดดังกล่าวได้ โดยเป็นชายต้องสงสัยถือถุงพลาสติก เดินเข้ามาภายในตัวอาคารด้วยท่าทีมีพิรุธ จากนั้นได้เข้าไปในบริเวณห้องวงษ์สุวรรณ หลังจากนั้นได้หายเข้าไป ก่อนในเวลาจะเดินออกมา ซึ่งพบว่าไม่มีถุงใบดังกล่าวที่ถือเข้าไปออกมาด้วย แต่กลับถือสิ่งของบางอย่างลักษณะคล้ายร่มสีดำออกมาแทน โดยขณะนี้คณะทำงานสืบสวนสอบสวนกำลังตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) บก.สปพ. ถึงเรื่องขั้นตอนการใช้อุปกรณ์ไอซีไทมเมอร์เพื่อหน่วงเวลา รวมไปถึงความน่าจะเป็นในการติดตั้งและห้วงเวลาของการหน่วงเวลาระเบิด เพื่อมาทำการวิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ของผู้ต้องสงสัยรายนี้
ทั้งนี้ยังมีรายงานจากสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ กรณีจดหมายที่ถูกส่งไปเตือนไปผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา 2 ฉบับ และ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ อีก 1 ฉบับ นั้น ซึ่งผลการตรวจสอบผลทางหลักวิทยาศาสตร์ โดยอยู่ระหว่างรายงานผลให้ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบ โดยผลการตรวจทางเจ้าหน้าที่สามารถระบุได้ว่า ผู้ที่เขียนจดหมายทั้ง 3 ฉบับนั้นเป็นบุคคลรายเดียวกัน แต่มีการพยายามดัดแปลงลายมือ เพื่อไม่ให้เป็นการตั้งข้อสังเกต รวมไปถึงกระดาษที่ใช้เขียนจดหมายเตือเรื่องระเบิดทั้ง 3 ฉบับ มาจากกระดาษชนิดเดียวกัน เพราะจากการตรวจอย่างละเอียด เมื่อทำการขยาย และการทำการทดสอบพบว่า มีร่องรอยการกดทับของปากกาในการลงน้ำหนักการเขียน ตั้งแต่จดหมายแผ่นแรกไปติดแผ่นที่สอง หลังจากนั้นจากการเขียนจดหมายแผ่นที่ 2 ก็มีร่องรอยการกดทับไปติดกับแผ่นที่สาม รวมทั้งมีการเบี่ยงเบนเนื้อหาข้อความในจดหมาย เพื่อไม่ให้เกิดข้อพิรุธ