นายอำนาจ กล่าวว่า สำหรับการขอตัวนายวรยุทธเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ทางประเทศอังกฤษจะต้องพิจารณาใน 2 ประเด็นว่า เป็นคดีทางแพ่งหรือคดีการเมือง หรือเป็นคดีที่มีความผิดหรือไม่ ส่วนอีกประเด็นหนึ่งคือ เรื่องการเดินทางหลบหนีการติดตามตัวของตัวผู้ต้องหา ที่หลายฝ่ายกังวลว่าผู้ต้องหาจะเดินทาง โยกย้ายที่อยู่ ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ผู้ต้องหาจะมีเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว แต่การเดินทางเข้าออกประเทศต่างๆ จะต้อง ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง ในกรณีที่ทางการไทยขอตัวไป เมื่อทางประเทศอังกฤษรับเรื่องแล้วแต่ในระหว่างพิจารณา ผู้ต้องหาหลบหนีไปที่อื่น เป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องตามหาหลักแหล่งที่อยู่ของตัวผู้ต้องหาว่าหลบไปที่ไหน
"คำขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนที่ยื่นต่ออังกฤษจะยังคงอยู่ กรณีที่อังกฤษไม่ได้ส่งคำร้องคืนกลับมา การขอเป็นผู้ร้ายข้ามแดนก็ยังคงเดินหน้าต่อ เมื่อผู้ต้องหาเดินทางกลับประเทศอังกฤษ อัยการจะดำเนินการยื่นหนังสือใหม่เพียงแค่เปลี่ยนวันที่เท่านั้น เพราะรายละเอียดและเนื้อหาเป็นข้อเท็จจริงเดียวกัน" นายอำนาจ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเสนอให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาเพิกถอนหนังสือเดินทางหรือไม่ นายอำนาจ บอกว่า โดยหลักการแล้วการเพิกถอนหนังสือเดินทาง ผู้ที่รับผิดชอบคือกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้รับผิดชอบ เมื่อรับทราบข้อเท็จจริงว่ามีการหลบหนีออกต่างประเทศ คงจะต้องมีการพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไขการเพิกถอนหรือไม่ แต่ทางอัยการสำนักงานต่างประเทศคงไม่ก้าวล่วงที่จะไปแนะนำหรือเสนอ ให้กระทำการเพิกถอนหนังสือเดินทาง เป็นเรื่องที่กระทรวงต่างประเทศจะต้องพิจารณาโดยตรง
ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องไปแจ้งให้กระทรวงต่างประเทศทราบ แต่การเพิกถอนหนังสือเดินทางเป็นการกดดันตัวผู้ต้องหาให้มอบตัวได้ทางหนึ่ง สำหรับกรณีที่นายวรยุทธตัดสินใจยอมมอบตัวกลับมาเข้าสู่กระบวนการในประเทศไทยย่อมสามารถทำได้อยู่แล้ว โดยเข้าไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วส่งตัวมาให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลส่วนอัยการจะคัดค้านการประกันตัวหรือไม่ เป็นเรื่องที่อัยการเจ้าของสำนวนจะพิจารณา
นายอำนาจ กล่าวด้วยว่า ในส่วนการทำหน้าที่ของอัยการสำนักงานต่างประเทศยืนยันว่าจะทำให้เร็วที่สุด ขณะนี้ต้องรอพยานหลักฐานจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ครบถ้วนทั้งหมด เพื่อประกอบการยื่นคำร้องขอตัวนายวรยุทธ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศอังกฤษต่อไป