svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

แม่-คนสนิทลั่นไม่รู้เรื่องธุรกิจ ยันขายอาหารเสริมไม่ขายทัวร์ เชื่อ "โชกุน" ไม่หลอกใคร

18 เมษายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

คุมตัว 8 ผู้ต้องหาข่ายโชกุนให้กองปราบฯ ด้านแม่และคนสนิทโยนไม่รู้เรื่องธุรกิจ ยันขายอาหารเสริมไม่ขายทัวร์ เชื่อลูกไม่หลอกใคร ขณะที่ ปคบ.สนธิกำลังค้นตึกอโศกยึดอาหารเสริมพิสูจน์



วันที่ 18 เมษายน ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ส.4 พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รอง ผบก.ป. และคณะพนักงานสอบสวน บก.ป. เดินทางมารับมอบตัว 8 ผู้ต้องหาซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดซินแสโชกุนจำนวน 8 คน

ประกอบด้วย นางมณฑญาณ์ นิรันดร หรือ จันทร์ฉาย นาคฤทธิ์ อายุ 55 ปี เป็นแม่ซินแสโชกุน นายก้องศรัณย์ แสงประภา อายุ 22 ปี ลูกพี่ลูกน้อง น.ส.ทัศย์ดาว สมัครกสิกรรณ์ อายุ 35 ปี หญิงคนสนิท นางประนอม พลานุสนธิ์ อายุ 40 ปี เลขาฯ นางณิชมน แสงประภา อายุ 64 ปี ป้า (แม่ก้องศรัณย์) นางพารินธรญ์ หงส์หิรัญ ดัคกอร์ อายุ 35 ปี น.ส.สุดารัตน์ อเนกนวล อายุ 25 ปี และ นายโกวิท ช่วยสัตว์ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 951-958/2560 ลงวันที่ 17 เม.ย. 2560 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และเป็นซ่องโจรฯ

ต่อมาเวลา 10.00 น.พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช.พร้อมกำลังทหาร ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ซึ่งถูกควบคุมตัวที่มณฑลทหารบกที่ 11 มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน บก.ป.จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ให้แพทย์ รพ. ตำรวจ ทำการตรวจร่างกายตามขั้นตอน ก่อนแสดงหมายจับและแจ้งข้อหา พร้อมทำการสอบปากคำ จากนั้นเวลา 12.00 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ และคณะทำงาน ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าห้องชิวปรีชา เพื่อซักถามกรณีรับมอบตัว 8 ผู้ต้องหาคดีดังกล่าว

ด้าน พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า จากการสอบสวนพบว่า น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ ซินแสโชกุน อายุ 30 ปี เป็นกรรมการบริหารบริษัทเวลล์ เอฟเวอร์ จำกัด ได้สบคบกับพวกตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชน โดยมีลักษณะเป็นเครือข่าย แบ่งหน้าที่กันทำในการประกาศชักชวนบุคคลทั่วไปผ่านการประชุมการ โพสต์ข้อความ ภาพทางแอพพลิเคชั่นไลน์และเฟซบุ๊กให้เข้าร่วมเป็นสมาชิก อ้างว่ามีการจำหน่ายอาหารเสริมบำรุงร่างกายแล้วจะได้รับผลตอบแทนเป็นทอดๆ ลักษณะเป็นการขายตรง มีการเสนอโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดใจคนทั่วไปว่า หากสมัครเป็นสมาชิกของบริษัทเวลล์ เอฟเวอร์ จำกัด และบริษัทออลเลเซียน จำกัด ควบคู่กันจะได้สิทธิเดินทางไปต่างประเทศฟรี

ซึ่งข้อความดังกล่าวเป็นความเท็จ และยังออกประกาศให้กลุ่มหัวหน้าสายออกชักชวนลูกทีมและประชาชนทั่วไปให้ซื้อสินค้า โดย น.ส.พสิษฐ์ ได้สร้างความน่าเชื่อถือจึงจัดทริปเที่ยวต่างประเทศฟรี ทำให้เครือข่ายและประชาชนทั่วไปเชื่อถือจึงพากันสมัครเป็นสมาชิกและโอนเงินเข้าบัญชีของ น.ส.พสิษฐ์ และแม่ทีมกลุ่มเครือข่ายจำนวนมากพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปหลอกลวงผู้เสียหายจำนวนหลายรายได้ทรัพย์สินไปเบื้องต้นประมาณ 50 ล้านบาท

นอกจากนี้ทางพนักงานสอบสวนสวนได้จัดทนายความจากสภาทนายความให้กับผู้ต้องหาจำนวน 4 คน ขณะนี้มีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ จำนวน 360 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 15 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ ปปง. ได้ร่วมกันติดตามยึดทรัพย์ของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งห้องพักคอนโดมิเนียม รถยนต์ เงินในบัญชี ทองรูปพรรณ ฯลฯ รวมมูลค่าทรัพย์ที่ยึดได้ประมาณ 15 ล้านบาท

ขณะที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้สอบถามผู้ต้องหาทั้ง 8 คน รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และได้ยืนยันว่าร่างกายไม่ถูกทำร้าย ไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีทรัพย์สินสูญหายหรือเสียหายแต่อย่างใด และผู้ต้องหาก็ยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่อยู่ในความดูแลของทหารไม่มีการทำร้ายร่างกาย โดยจะดำเนินการตามขั้นตอนการสอบสวน ซึ่งทางผู้ต้องหาทั้งหมดจะให้การอย่างไรก็เป็นสิทธิ และมีการจัดทนายความจากสภาทนายความให้ผู้ต้องหาด้วย

อย่างไรก็ตามตนคงยังไม่ขอซักถามผู้ต้องหาในขณะนี้ว่า จะให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหาหรือไม่ โดยจะปล่อยให้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการหลังจากนี้ ก่อนนำส่งศาลฝากขังตามขั้นตอนต่อไป

ด้าน นางมณฑญาณ์ กล่าวว่า ตนขอปฏิเสธในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และตนไม่ได้เชิญชวนใคร ถ้าไปดูในเฟซบุ๊กส่วนตัวจะเห็นว่าตนอยากจะช่วยเหลือคนที่ฐานะยากไร้ ประสบความเดือดร้อน ถ้าคุณเข้ามาเป็นสมาชิกของบริษัท เวลล์ เอฟเวอร์ จำกัด แล้ว ก็จะได้รับผลตอบแทนที่ดี เพียงแต่ว่าคุณต้องเป็นคนที่ตั้งใจทำงาน และเป็นคนดี ไม่ใช้อำนาจทำให้ใครเดือดร้อน

ส่วนกรณีที่มีการชักชวนให้ผู้เสียหายสมัครเป็นสมาชิกบริษัทนั้น ตนไม่เกี่ยวข้อง เพราะไม่ได้มีหน้าที่ตรงนี้ ตนเป็นแค่แม่ของซินแสโชกุนเท่านั้น และขอยืนยันว่าบริษัท เวลล์ เอฟเวอร์ จำกัด ไม่ได้ขายทัวร์ สำหรับการนำไปเที่ยวนั้น เพียงแค่ต้องการให้โอกาสกับคนที่ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศเลย เพราะยากจน

นางมณฑญาณ์ กล่าวอีกว่า กรณีที่มีภาพตนปรากฏอยู่บนเครื่องบินเช่าเหมาลำวันนั้นเป็นวันปฐมฤกษ์ ลูกเลยต้องการให้แม่ได้นั่งไป ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิต เพราะลูกทำธุรกิจรับส่งนักธุรกิจโดยมีเครื่องบินเช่าเหมาลำทั้งหมด 8 ลำ เส้นทางระหว่างมาเก๊า-ฮ่องกง โดยไม่รู้ว่าลูกเป็นเจ้าของเอง หรือเป็นเพียงแค่หุ้นส่วนเท่านั้น ส่วนคนที่ตนเคยเชิญชวนให้ร่วมเดินทางท่องเที่ยว มีอยู่ 2 คน คือ อุ๊-มิณทร์ลดา เจริญทวีรัตน์ ดาราและพิธีกร อดีตรองมีสทีนไทยแลนด์ 2010 และอีกคนซึ่งตนจำชื่อไม่ได้ เขาไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายจำนวน 9,730 บาท คนหนึ่งมีเพียง 5,000 บาท อีกคนมีเพียง 1,000 บาท และตนจึงออกเงินให้ก่อน เพราะแค่ต้องการช่วยเท่านั้น

อย่างไรก็ตามสำหรับนักธุรกิจชาวฮ่องกงนั้น ตนก็ได้ข้อมูลมาจากลูก ว่า จะเป็นผู้ดูแล จองเครื่องบิน และดำเนินการต่างๆให้ ซึ่งตนก็ไม่เคยเจอตัวจริง และไม่เคยได้พูดคุย เคยเห็นแต่ในรูปถ่ายเท่านั้น ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจต่างๆ นั้น ตนไม่ทราบเรื่อง และไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ยังเชื่อว่าลูกของตนไม่เคยหลอกลวงใครแน่นอน


ส่วนนางประนอม กล่าวว่า ตนไม่เคยเชิญชวนให้ไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่มีกรณีเชิญชวนให้คนทำสมาชิกของบริษัทออลเลเซียน จำกัด เท่านั้น ส่วนโปรโมชั่นต่างๆ นั้น ทางซินแสโชกุน เป็นคนที่กำหนดออกมา ตนไม่ทราบว่าส่วนต่างของเงินค่าสมัครสมาชิกนั้นไม่เพียงพอต่อการพาสมาชิกไปเที่ยวต่างประเทศได้ ที่ผ่านมาตนเคยถามซินแสโชกุนว่า ได้เงินส่วนต่างมาจากไหน ซึ่งซินแสโชกุนตอบว่า มีงบจากนายทุนในต่างประเทศเป็นผู้ออกโฆษณาให้ ซึ่งทุกครั้งที่สมาชิกสอบถามก็จะบอกรายละเอียดให้ทราบ ส่วนเรื่องรายได้ต่างๆ ตนไม่สามารถตอบได้ เพราะจะรับรู้ข้อมูลผ่านทางซินแสโชกุน เท่านั้น แต่ตนและสมาชิกของบริษัท ก็ไม่เคยได้เจอตัวนายทุนชาวต่างประเทศ จะมีเพียงซินแสโชกุนเพียงคนเดียวที่ได้พบ ส่วนตัวเคยไปท่องเที่ยวที่ฮ่องกงมาครั้งเดียว ซึ่งครั้งนั้นก็เป็นเพียงการไปท่องเที่ยวธรรมดา ไม่ได้ใช้ชักชวนอวดอ้างต่อสมาชิกเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือแต่อย่างใด


ด้าน น.ส.ทัศย์ดาว สาวคนสนิท กล่าวว่า บริษัทเวลล์ เอฟเวอร์นั้นตั้งมาได้ประมาณ 3 เดือน สาเหตุที่ใช้บ้านตนที่ จ.นครสวรรค์ เป็นสถานที่จดว่าตั้งสำนักงานนั้น เพราะซินแสโชกุนบอกว่า ให้ใช้สถานที่เป็นบ้านของคนที่มีชื่อเป็นเจ้าของบ้านดังกล่าว

ทั้งนี้ยืนยันว่าบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทขายอาหารเสริม ไม่ใช่ขายทัวร์ ซึ่งลูกทีมที่สมัครสมาชิกจะโอนเงินค่าสมัครเข้าบัญชีตน และตนเองก็เคยได้ค่าคอมมิชชั่นจากการขายอาหารเสริมแล้วประมาณ 2.8 แสนบาท ซึ่งมีคนได้เงินค่าคอมมิชชั่นสูงสุดถึง 2.4 ล้านบาท ที่สามารถระบุชื่อและตัวบุคคลได้เลย

อย่างไรก็ตามเคยได้เดินทางไปเที่ยวกับทริปของบริษัทแล้ว 2 ครั้ง ไปประเทศฮ่องกง และญี่ปุ่น ซึ่งในส่วนรายละเอียดอื่นๆไม่ว่าจะเป็นการจองตั๋วเครื่องบิน ติดต่อประสานงาน รวมถึงการทำบัญชีของบริษัทนั้น ซินแสโชกุนเป็นผู้จัดการเองทั้งหมด คนอื่นจะไม่ทราบเรื่อง

รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.ต.ประเสริฐ พัฒนาดี ผบก.ปคบ. และ พ.ต.อ.บัณฑิต ทิศาภาค รองผบก.ปคบ. มอบหมายสั่งการให้ พ.ต.อ.อิทธิพล พงษ์ธร ผกก.1บก.ปคบ. สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ บก.ปคบ. ,บก.ปอศ. ,บก.ปอท. และ สคบ. นำหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ค 71/2560 ลงวันที่ 18 เม.ย.2560 เข้าตรวจค้นบริษัทออลเลเชี่ยน จำกัด เลขที่ 219 ชั้น 18 อาคารอโศก ทาวเวอร์ ถนนอโศก แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม.

จากการตรวจค้นและตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวได้จดทะเบียนถูกต้อง พร้อมกันนี้ได้ทำการตรวจยึดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ผลิตภัณฑ์อาคารเสริม 300 กระปุก รวมทั้งเอกสารการทำธุรกรรมทั้งหมดมาทำการตรวจสอบ อย่างไรก็ตามในเข้าตรวจสอบบริษัทดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดถึงที่มาของผลิตภัณฑ์อาหาร ว่า ได้นำเข้าเสียภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่ ในส่วนของตัวอาหารเสริมจะต้องตรวจสอบตัวเม็ดยาว่าได้รับอนุญาตจากทาง อย.หรือไม่ เนื่องจากตัวเม็ดยาของแท้ต้องเป็นสีน้ำตาล แต่ที่ตรวจสอบพบว่าเม็ดยาเป็นสีขาว ซึ่งต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีการปลอมแปลงหรือไม่ รวมทั้งทาง สคบ.จะพิจารณาว่า เข้าข่ายธุรกิจขายตรงหรือไม่ ส่วนคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คให้ทาง บก.ปอท.ตรวจสอบหาความเชื่อมโยง

logoline