พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลที่สั่งให้มีการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดกับนักท่องเที่ยวนั้น ได้มอบหมายให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เป็นผู้ดำเนินการ จึงได้สั่งให้พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ พล.ต.ต.ประเสริฐ เป็นผู้ดำเนินการ โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ของกทม. และผู้ที่เกี่ยวข้องได้บูรณาการทำงานร่วมกัน โดยตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีกลุ่มรถแท๊กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก รถจักรยานยนต์รับจ้าง บริเวณรอบพระบรมมหาราชวังมีการรับนักท่องเที่ยวไปส่งบริเวณร้านจิวเวอรี่ ร้านตัดสูท ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้นักท่องเที่ยวส่วนมากไม่พอใจ และมาร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่บ่อยครั้ง จึงอยากจะขอร้องให้คนขับรถบริการต่างๆ อย่าไปเอาเปรียบนักท่องเที่ยวเลย เพราะประเทศไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยอะที่สุดในโลก หากกลุ่มรถตุ๊กตุ๊ก และรถจักรยานยนต์รับจ้างกระทำดังกล่าวไปเรื่อยๆ ต่อไปนักท่องเที่ยวก็จะไม่มาเที่ยวที่ประเทศไทยอีก และเอาไปพูดต่อ ก็จะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ ส่วนท่านก็จะหมดอาชีพไปโดยปริยาย
ด้านพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวได้ร้องเรียนว่ามีกลุ่มรถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก และรถจักรยานยนต์รับจ้างชักชวนให้ขึ้นรถ และนำมาส่งตามร้านจิวเวอร์รี่ ร้านตัดสูท เข้าข่ายพฤติกรรมจูงแขก ซึ่งในส่วนนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการทางกฎหมาย แต่นักท่องเที่ยวส่วนมากไม่ประสงค์จะดำเนินการ เนื่องจากจะต้องใช้เวลาหลายวัน จึงอยากฝากไปถึงกลุ่มรถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก และรถจักรยานยนต์รับจ้าง อย่าเอาเปรียบนักท่องเที่ยวอีก เพราะถ้าเอาไปพูดต่อ ก็จะไม่มีคนมาเที่ยวในประเทศไทย และจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ซึ่งในวันนี้ก็ได้ทำการกวาดล้างผู้กระทำความผิด จำนวน 75 ราย ในฐานความผิดก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่บุคคลในที่สาธารณะ จำนวน 15 ราย ,จอดรถในที่ห้ามจอดจำนวน 40 ราย ,ขายของบนทางเท้า 11 ราย ,ใช้รถโดยสารโดยไม่ได้รับอนุญาต 3 ราย ,ขับขี่รถโดยสารสาธารณะแต่งกายไม่ถูกต้อง 2 ราย ฉ้อโกงค่าโดยสาร 1 ราย ปฏิเสธผู้โดยสาร 3 ราย เบื้องต้นนำตัวมารับทราบข้อกล่าวหา เปรียบเทียบปรับ และทำการอบรมพร้อมทำประวัติ หากพบการกระทำความผิดซ้ำก็จะต้องมีการเพิกถอนใบอนุญาตหรือดำเนินการขั้นเด็ดขาด ซึ่งในส่วนของค่าปรับนั้นขั้นต่ำคือ 3,000 บาท ทางผู้ว่ากทม.เล็งเห็นว่าเป็นการป้องปรามครั้งแรกจึงประสานมาว่าค่าปรับขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน จึงเปรียบเทียบปรับในราคาลดราคาลงมา ก่อนจะปล่อยตัวไป
มาตรการกวดขันจับกุมในครั้งนี้ถือว่าเป็นการเริ่มปฏิบัติการครั้งแรก โดยหลังจากนี้จะดำเนินการอย่างเข้มงวด จริงจัง ต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว โดยจะกระทำเช่นนี้ทุกสัปดาห์ โดยเน้นพื้นที่ที่พบการร้องเรียน อาทิ รอบพระบรมมหาราชวัง วัด สนามหลวง ท่าเตียน ท่าช้าง และท่าน้ำต่างๆเป็นหลัก รวมทั้งห้างสรรพสินค้าต่างๆ ก็ขอชี้แจงว่าถ้าพบเห็นกระทำผิดเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว จะทำการจับกุม และนำมาเสียค่าปรับ หรืออาจจะส่งศาลดำเนินคดี ต่อไปนี้สิ่งที่ผิดกฎหมาย หรือการไม่รับผู้โดยสาร หรือรับผู้โดยสารมาแล้วแต่ไม่กดมิตเตอร์ รวมทั้งการขายสินค้าอาหารในราคาแพงให้กับนักท่องเที่ยวในราคาเกินจริง จะต้องไม่มี อย่างไรก็ตามในส่วนมาเฟียในกลุ่มรถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก และรถจักรยานยนต์นั้น แนวทางการสืบสวนขอยืนยันว่าไม่มีแน่นอน หรือหากพบก็จะเร่งดำเนินการต่อไป ผบก.สปพ.
ด้าน พ.ต.อ.อาชยน กล่าวว่า ในการจับกุมครั้งนี้ยังสามารถจับกุม นายตารานัท อิรัชชุ เชตรี อายุ 38 ปี สัญชาติเมียนมา บริเวณถนนข้าวสาร ขณะกำลังเดินชักชวนนักท่องเที่ยวถ่ายรูปทำนามบัตรติดใบหน้าและเอกสารต่างๆ โดยเป็นเมนูให้เลือกทำบัตรหลายชนิด อาทิ บัตร เอฟบีไอ บัตรตำรวจสากล ใบขับขี่สากล ใบรับลองการจบปริญญาตรี และปริญญาโทมหาลัยต่างๆของต่างประเทศ ซึ่งระบุในเมนูรับทำในแบบต่างๆตามสั่ง นายตารานัท รับสารภาพว่า คิดราคาทำ 100-200 บาท เพียงถ่ายรูปหน้าและใส่ชื่อลงไป เพราะมีแบบอยู่แล้วซึ่งเป็นของที่ระลึก ซึ่งเป็นเพียงลูกจ้างทำมาประมาณเดือนกว่า เบื้องต้นดำเนินคดี บุคคลต่างด้าวทำงานผิดประเภท ส่วนเรื่องการทำเอกสารเลียนแบบของต่างประเทศนั้นไม่สามารถดำเนินคดีได้ เนื่องจากไม่มีผู้เสียหาย และไม่ใช่เอกสารทางการในประเทศไทย