บุกจับต่างด้าวย่านห้วยขวาง "ไชน่าทาวน์" พบชาวจีนใช้วีซ่านทท.ลักลอบทำงาน

เมื่อวานนี้( 30 ส.ค.) เจ้าหน้าที่สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 3 กรมการจัดหางานนำโดยนายณัฐพล รักชาติ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์รวมกว่า 30 คน เข้าตรวจสอบร้านค้าอาคารพาณิชย์ย่านถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ เขตห้วยขวาง กทม. เนื่องจากมีการร้องเรียนว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติจีนมาเปิดร้านค้าขายของซึ่งเป็นการแย่งอาชีพคนไทยและผิดกฎหมาย

นายณัฐพล บอกว่า จากการตรวจสอบร้านค้า 6 ร้านที่เปิดขายของฝาก เช่น ผลไม้อบแห้ง หมอนยางพารา เครื่องสำอาง ยาและสินค้าไทยประเภทต่างๆ ที่ชาวจีนนิยมในอาคารพาณิชย์ย่านถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญพบว่า มีนายจ้างคนไทยจ้างแรงงานต่างด้าวไม่ถูกตามกฎหมาย 1 คน เป็นคนสัญชาติจีนใช้วีซ่านักท่องเที่ยวลักลอบมาทำงานในไทย ไม่มีใบอนุญาตทำงาน 16 คน อีกทั้งยังพบแรงงานเมียนมามีบัตรสีชมพูและใบอนุญาตทำงานในโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ แต่มาทำงานในร้านขายของย่านถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ 1 ราย และคนบนพื้นที่สูงมาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต 2 คน รวมทั้งหมด 20 คน

ในส่วนของคนสัญชาติจีนและคนบนพื้นที่สูงถูกดำเนินคดีกรณีทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 51 ของพ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าวพ.ศ.2551 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 2,000-100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนนายจ้างรับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาทต่อลูกจ้างต่างด้าว 1 คน ส่วนแรงงานต่างด้าวที่ทำงานผิดประเภทงาน และสถานที่ที่ได้รับอนุญาตมีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาทตามกฎหมายการทำงานของคนต่างด้าว โดยนำตัวทั้ง 20 คนไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.สุทธิสาร และสน.ห้วยขวาง

ส่วนกรณีคนต่างด้าวใช้วีซ่านักท่องเที่ยวลักลอบทำงานในไทย และให้คนไทยเป็นนอมินีเช่าพื้นที่หรือซื้อตึกอาคารพาณิชย์ไปเลยนั้น เรื่องนี้จะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหานี้ โดยเดิมทีพื้นที่ย่านถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญเป็นของคนไทยอยู่กันแบบพี่น้อง แต่ปัจจุบันกลายเป็นเมืองไชน่าทาวน์ แหล่งท่องเที่ยว ช้อปปิ้งของนักท่องเที่ยวชาวจีนไปแล้ว
นายจางซุ่ย ลูกจ้างชาวจีนในร้านค้าแห่งหนึ่งที่มีการเข้าตรวจสอบ บอกว่าเดินทางโดยวีซ่านักท่องเที่ยวเหลืออายุวีซ่าอีก 15 วันก็จะเดินทางกลับประเทศ และมาช่วยดูแลร้านให้แก่คนไทยที่รู้จักกัน โดยไม่ได้ช่วยเก็บเงินและไม่ได้รับค่าจ้างแลกกับการที่เจ้าของร้านพาไปเที่ยวสถานที่ต่างๆในไทย

ด้านนายจักรพันธุ์ บุญทอง เจ้าของร้านซึ่งเป็นนายจ้างของนายจางซุ่ย บอกว่า ยอมรับว่าที่ผ่านมาจ้างลูกจ้างชาวจีน 6-7 คนโดยจัดหามาเองและมีผู้มาสมัครเอง ไม่ได้ผ่านนายหน้า ซึ่งให้ลูกจ้างช่วยยกของและช่วยสื่อสารกับลูกค้าที่เป็นชาวจีนได้ โดยจ่ายค่าจ้างเดือนละ 8,000-10,000 บาทขึ้นอยู่กับลักษณะงานของแต่ละคน โดยยอมรับว่าลูกจ้างชาวจีนไม่ได้ใบอนุญาตทำงานตามกฎหมาย ซึ่งตนพยายามดำเนินการให้ลูกจ้างทำงานโดยถูกต้องตามกฎหมายแต่ต้องใช้เวลาดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เจ้าหน้าที่กกจ.กำลังนำตัวนายจ้างและลูกจ้างต่างด้าวทั้งหมดขึ้นรถตู้เพื่อนำไปสอบสวนและแจ้งความดำเนินคดีนั้นได้มีผู้สื่อข่าวชาวจีนเวบไซต์ไท้กั๋วดอทคอมพร้อมทีมงานรวม 3 คนได้มาขอสัมภาษณ์นายสุรศักดิ์ ไกยสิทธิ์ หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบและควบคุมการทำงานของคนต่างด้าว กองตรวจและคุ้มครองคนหางาน กกจ.ถึงสาเหตุการเข้าตรวจสอบครั้งนี้ โดยนายสุรศักดิ์ได้ชี้แจงว่าเข้าตรวจสอบครั้งนี้เป็นไปตามกฎหมาย เนื่องจากพบว่าคนสัญชาติจีนจำนวนมากลักลอบทำงานค้าขายซึ่งผิดกฎหมายเพราะอาชีพค้าขายสงวนสำหรับคนไทยห้ามต่างด้าวทำ

แต่หลังสัมภาษณ์เสร็จนายสุรศักดิ์ได้สอบถามนักข่าวจีนที่พูดไทยอย่างคล่องว่ามีใบอนุญาตทำงานหรือไม่และขอตรวจสอบ ซึ่งพบว่ามีใบอนุญาตทำงานเป็นครูสอนภาษาจีนในโรงเรียนสอนภาษาแห่งหนึ่งในจ.ชลบุรี และตรวจสอบทีมงาน 1 คนพบว่าไม่มีพาสปอร์ต จึงนำตัวส่งตำรวจข้อหาทำงานผิดประเภทและผิดสถานที่ที่ได้รับอนุญาต ขณะที่ช่างภาพไหวตัวทันหลบหนีไปก่อน