svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

เจ้าของรถบัส ให้ ตร. เอาผิดคนขับเต็มที่

30 สิงหาคม 2559
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เจ้าของรถบัสสายร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายโชเฟอร์โหด ที่ก่อเหตุทุบศรีษะฆ่าชิงทรัพย์ผู้โดยสารหญิงวัย 56 ปี หลังล่าสุดทราบว่าตำรวจสามารถจับกุมตัวได้แล้ว พร้อมยอมรับหลังเกิดเหตุทำให้สูญเสียรายได้ และขาดความเชื่อมั่นจากผู้โดยสาร

(30 ส.ค.59) ความคืบหน้ากรณีที่นายวัชรินทร์ ประทุมพร อายุ 26 ปีคนขับรถโดยสารประจำทาง มินิบัส ของบริษัท ร้อยเอ็ดเฉลิมเกียรติสวัสดิ์จำกัด สายร้อยเอ็ด-บุรีรัมย์ หมายเลขทะเบียน 10-4458 ร้อยเอ็ดก่อเหตุใช้ค้อนปอนด์ทุบศรีษะ นางบุญเพ็ง ปัญโญ อายุ 56 ปี



ผู้โดยสารที่นั่งมาในรถบัสคันดังกล่าวระหว่างที่วิ่งออกนอกเส้นทางบริเวณถนนระหว่างหมู่บ้านดงบากไปบ้านเหล่าน้อยต.นาสีนวล อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม เมื่อคืนวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมาจนเหยื่ออาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมาก่อนจะชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท และสร้อยข้อมืออีก 1 บาทหลบหนี



ล่าสุดทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวโชเฟอร์โหดได้แล้วที่อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคามซึ่งหลังจากนายสุพิศ วัตรสุนทร อายุ 38 ปี เจ้าของรถบัสคันเกิดเหตุได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจวาปีปทุมว่าสามารถจับกุมตัวนายวัชรินทร์ได้ ก็เตรียมเดินทางจาก จ.บุรีรัมย์ไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พยัคฆภูมิพิสัย ท้องที่เกิดเหตุเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งไปติดต่อเรื่องรถบัสคันที่นายวัชรินทร์ใช้ก่อเหตุ ว่าจะสามารถนำรถออกมาได้ตอนไหนเพราะมีรถเพียงคันเดียวที่นำมาวิ่งร่วมซึ่งหลังเกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมาก็ต้องขาดรายได้จากการวิ่งรถบัสซึ่งถือเป็นรายได้หลัก



อย่างไรก็ตามหลังทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายวัชรินทร์ได้แล้ว ก็รู้สึกคลายความกังวลจากที่ก่อนหน้านี้ต้องอยู่ในภาวะเครียดหนักเพราะเกรงว่าคดีจะยืดเยื้อยาวนานซึ่งจะทำให้ไม่สามารถนำรถออกไปวิ่งได้แต่หลังจากจับกุมได้แล้วก็มั่นใจว่าคดีจะคลี่คลายโดยเร็วซึ่งตนก็จะสามารถนำรถออกมาประกอบอาชีพได้เร็วขึ้นด้วยพร้อมขอขอบคุณตำรวจที่สามารถติดตามจับกุมตัวได้โดยเร็ว



นายสุพิศ ยังกล่าวอีกว่าส่วนเรื่องคดีก็ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายเพราะผู้กระทำผิดต้องได้รับโทษกับสิ่งที่กระทำเพราะสิ่งที่นายวัชรินทร์ กระทำไม่ได้ส่งผลกับตัวนายวัชรินทร์ คนเดียวแต่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกับผู้ประกอบอาชีพรถโดยสาร


สาธารณะเพราะทำให้ผู้โดยสารขาดความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยที่จะใช้บริการรถโดยสารในการเดินทางโดยเฉพาะตนเองนอกจากจะเสียค่าซ่อมบำรุงรถแล้วหากนำออกมาวิ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีผู้โดยสารกลับมาใช้บริการเป็นปกติหรือไม่จึงฝากวิงวอนผู้โดยสารหรือประชาชนเห็นใจเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของตัวบุคคลอย่าเหมารวมทั้งหมดหลังจากนี้ก็จะตรวจสอบผู้ที่จะมาทำหน้าที่เป็นโชเฟอร์ให้รอบคอบกว่านี้ส่วนตัวเองก็จะไม่ปล่อยให้คลาดสายตาเหมือนที่ผ่านมา



ส่วนเรื่องการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตเบื้องต้นก็ได้มอบเงินช่วยเหลือแล้วจำนวนหนึ่งส่วนเรื่องประกันก็ต้องหารือกับทางบริษัทอีกครั้งหนึ่งเพราะเท่าที่ทราบมีเพียงประกันอุบัติเหตุรวมเฉพาะเส้นทางวิ่งแต่เหตุที่เกิดขึ้นเกิดนอกเส้นทาง




logoline