จี้คนขับมอบตัวคดีฆ่าผู้โดยสาร

ก่อนโชเฟอร์โหดจะชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท และสร้อยข้อมืออีก 1 บาทหลบหนี ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความสะเทือนใจและหวาดกลัวให้กับผู้โดยสาร ที่ใช้บริการรถทัวร์ หรือรถบัส ในการเดินทางเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยเกิดเหตุในลักษณะนี้มาก่อน 

ขณะที่นายสุพิศ วัตรสุนทร อายุ 38 ปี เจ้าของรถบัสคันเกิดเหตุ เล่าว่า ปกติจะนั่งไปกับรถบัสคันดังกล่าวประจำ และช่วงเช้าวันเกิดเหตุ (27 ส.ค.) ก็ได้นั่งไปในรถด้วยเหมือนทุกวัน โดยรถได้ออกจาก บขส.บุรีรัมย์เวลา 10.20 น. ปลายทางที่ บขส.ร้อยเอ็ด หลังจากส่งผู้โดยสารเสร็จตนก็ขึ้นรถอีกคันกลับมาที่ จ.บุรีรัมย์ 

ส่วนนายวัชรินทร์ โชเฟอร์ก็จะขับรถเปล่ากลับมารอเข้าวินซอยที่ อ.พยัคหภูมิพิสัย ในเช้าวันรุ่งขึ้น แต่ระหว่างที่นายวัชรินทร์ ตีรถเปล่ากลับมาระหว่างทางได้แวะรับผู้โดยสาร คือ นางบุญเพ็ง หญิงวัย 56 คนดังกล่าวโดยพละการ และไม่ทราบว่ามีจุดประสงค์อะไร กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. คืนเดียวกันเสมียนบริษัทได้โทรศัพท์มาแจ้งว่า รถบัสคันดังกล่าวได้วิ่งออกนอกเส้นทาง และพบผู้โดยสารถูกทำร้ายทิ้งร่างไว้ภายในอาการสาหัส จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบจึงทราบว่านายวัชรินทร์ ได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายและชิงทรัพย์ผู้โดยสาร

จากนั้นก็พยายามโทรศัพท์ติดต่อนายวัชรินทร์ แต่ติดต่อไม่ได้ คาดว่าน่าจะหลบหนีไปแล้ว ส่วนเหตุจูงใจที่นายวัชรินทร์ ก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยมกับผู้โดยสารในครั้งนี้ ยังไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร เพราะหลังจากนายวัชรินทร์ ได้มาขับรถให้เป็นเวลา 6 เดือน ก็ไม่เคยมีพฤติกรรมก้าวร้าวหรือมีเรื่องกับใคร ตรงกันข้ามเป็นคนขยันทำงานมากกว่า และที่ผ่านมาก็เคยบ่นให้ฟังเกี่ยวกับปัญหาเรื่องเงินหรือหนี้สินเลย ซึ่งตนจะให้ค่าจ้างขับรถวันละ 500 บาท หากวันไหนได้กำไรก็จะแบ่งให้อีก 10 เปอร์เซ็นต์ 

นายสุพิศ เจ้าของรถบัส ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์และธุรกิจรถโดยสารสาธารณะเป็นอย่างมาก  เพราะคนเชื่อมั่นว่ารถโดยสารมีความปลอดภัยแต่กลับมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จึงอยากวิงวินให้นายวัชรินทร์ โชเฟอร์ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยอมรับผิดกับการกระทำ เพราะหากหลบหนีจะไม่ส่งผลดีกับใครเลย พร้อมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย และพร้อมจะรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น