เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2559 ความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุระเบิดในยานบาร์เบียร์ ซอยเสละคามหัวหิน 2 จุด และบริเวณหน้าหอนาฬิกา ตลอดจนความพยามในการวางระเบิดเพลิงในตลาดฉัตร์ไชย์ หัวหิน อีก 1 จุด ผ่านมา ครึ่งเดือนแล้วนั้นจนมีผู้เสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บเกือบ 30 ราย ซึ่งบางส่วนได้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านแล้ว ส่วนที่เหลืออาการปลอดภัยหวดแล้วรวมทั้งชาวต่างชาติ
ซึ่งความพยามของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุ้งตำรวจสืบสวนภาค 7 ตำรวจหัวหิน ตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD ได้พยามทำงานสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่ รวมทั้งพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางลงมาตรวจสอบความคืบหน้าที่อำเภอหัวหิน ซึ่งถือว่าขณะนี้ทั้งพยานและวัตถุหลักฐานต่างๆ มีความคืบหน้าไปมากกว่าร้อยละ 70 แล้ว รวมทั้งภาพจากกล้องซีซีทีวีในตัวเมืองหัวหิน ที่สามารถจับภาพได้ตามจุดต่างๆ ประกอบกับพยานที่เห็นหน้ากลุ่มผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คนในวันที่ 10 สิงหาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่ 3 ผู้ต้องสงสัยลงมือก่อเหตุวางระเบิด และหลบหนีไปภาคใต้
ที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญด้านการสเก็ตภาพกองทะเบียนประวัติอาชญากร ได้ทำการสเก็ตภาพ 3 ผู้ต้องสงสัย เสร็จแล้วนำมาเปรียบเทียบจากล้องวงจรปิดที่จับภาพไว้ได้ และยืนยันว่าเป็นชุดเดียวกันนั้นและอยู่ระหว่างรอหมายเลข 13 หลัก อีกทั้งทุกอย่างเพื่อความสมบูรณ์ของขั้นตอนการสอบสวนทั้งหมดต้องรอ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในคดีวางระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ ว่า จะดำเนินการขอหมายศาลจับจากจังหวัดทหารบกเพชรบุรี ในเร็ววันนี้ และยังได้มารประสานงานกับทาง ศชต.ในภาคใต้
รวมทั้ง ล่าสุด พล.ต.ต.กษณะ แจ่มสว่าง ผู้บังคับการตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนภูธรประจวบคีรีขันธ์ ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนหัวหิน ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปร่วมประชุมกับทาง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อรายงานความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดที่หัวหิน ส่วนสาเหตุที่ต้องขอหมายศาลทหารนั้นก็เนื่องจากเป็นคดีด้านความมั่นคง