แม่เด็ก 8 ขวบ ไม่เชื่อพ่อข่มขืนลูกตัวเอง ถามลูกก่อนตาย บอก "คนทำตัวโตกว่าพ่อ"

เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 24 พฤษภาคม 2559 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่วัดต้นปีก หมู่ที่ 4 ตำบลหนองตรุด อำเภอเมืองตรัง เพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวของครอบครัวน้องหนูนา และญาติฝ่ายนายบ่าว พ่อของน้องหนูนา ซึ่งตอนนี้ได้ตกเป็นผู้ต้องหาข่มขืนลูกสาวไปแล้ว

โดยขณะนี้ที่งานศพญาติๆได้มารวมตัวกัน และนางศลิษา ทองย้อย แม่ของน้องหนูนา ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ได้เดินทางพร้อมญาติไปเยี่ยมสามีที่ รพ.ตรังแล้ว ได้พูดคุยสอบถามอาการ เบื้องต้นสามีมีอาการเครียดจัด พูดได้เป็นบางคำ ถามคำตอบคำ เนื่องจากเจ็บคอ ที่รอบคอมีร่องรอยเชือก และได้ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนทำ โดยยืนยันต่อหน้าพี่น้องทุกคนที่ไปเยี่ยม แต่สารภาพเพราะถูกกดดันทั้งวันทั้งคืน

ส่วนที่จะฆ่าตัวตายก็คงเกิดจากความเครียดที่ถูกสอบเค้น ไม่ใช่เพราะสำนึกผิดว่ากระทำต่อลูก โดยตนเองตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะผลที่ออกมาไม่ใช่ผลจาก มอ. หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในห้องนอนที่บ้านอาจเป็นของทั้งสามี ภรรยา และของเขา(คนร้าย) และที่บอกว่าสามีสารภาพ สารภาพเรื่องอะไร เพราะมี 2 อย่าง เมื่อวานเจ้าหน้าที่ตำรวจมาขอให้พ่อน้อง(หนูนา) เป็นตัวล่อซื้อยาเสพติด เพื่อจะได้จับคนขาย แต่ทางเรากลัวเลยไม่กล้าให้เป็นผู้ล่อซื้อ แต่ตำรวจก็ให้พ่อน้อง ไปขยายผลเกี่ยวกับยาเสพติด จนกลางคืน และตอนเช้าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โทรศัพท์มาบอกว่าได้ออกหมายจับพ่อของน้องว่าเป็นผู้กระทำน้อง เพราะพบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในที่เกิดเหตุ

แต่ในใจคิดว่าในที่เกิดเหตุมีทั้งของเราและของเขา ต้องรอผลดีเอ็นเออย่างเดียว และการที่เขาบอกว่าสารภาพ โดยการที่เขาได้รับความกดดันทั้งกลางวันและกลางคืน เขาอาจสารภาพด้วยความไม่มีสติ เพราะถูกกดดัน ส่วนเรื่องการยื่นเรื่องประกันตัวต้องปรึกษากับญาติๆก่อน

โดยยืนยันเชื่อในคำพูดน้อง(หนูนา) ก่อนตาย น้องบอกก่อนตาย และได้ถามย้ำว่าพ่อทำน้องไหม ถามด้วยความตะขิดตะขวงใจ ถามต่อหน้าพยาบาล และพยาบาลก็ได้ช่วยถามน้องก่อนตายว่า พ่อทำมั๊ยๆ น้องบอกว่าคนทำตัวโตกว่าพ่อ ลูกคนเล็กก็บอกได้ว่าใครทำพี่สาว แล้วทำไมคำให้การของคนก่อนตาย และของน้องคนเล็ก ไม่มีผลเลย ไม่เข้าใจ คนตายบอก กับหลักฐานในห้อง แล้วมาชี้ชัดว่าเป็นพ่อเขา

ส่วนตัวคิดว่า ไม่ใช่ ตอนนี้ขอรอผลดีเอ็นเออย่างเดียว แต่ถ้าผลดีเอ็นเอออกมาไม่มีของนายเฟิร์สตามที่น้องบอกก่อนตาย ตนเองก็ยืนยันจะขอให้ตรวจสอบดีเอ็นเอใหม่ หรือนายเฟร์ส ต้องตอบคำถามให้ได้ ตอนนั้นไปทำอะไรในห้องนอนไปทำอะไรให้น้องเห็น น้องถึงบอกแบบนั้น และตอนนี้ครอบครัวของฝั่งโน้น (ฝั่งนายเฟริทส) มั่นใจมากว่าจะสามารถช่วยลูกเขาได้ ลูกต้องพ้นผิด ทั้งๆ ที่น้องบอกได้ก่อนตายว่าเขาเป็นคนทำน้อง และยืนยันจะยังไม่เผาศพน้องแน่นอน