svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ด่วน! พบสารกัมมันตรังสี ในโกดังสินค้าซอยพหลโยธิน 24

12 พฤษภาคม 2559
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.15 น.ที่ผ่านมา พบสารกัมมันตรังสี ในโกดังเก็บสินค้า 2 ชั้นตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 24 แยก 2-1 พื้นที่เขตจตุจักร กทม. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน พร้อมผู้เชี่ยวชาญจากสำนักอนามัยและเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตจตุจักร รุดเข้าตรวจสอบ

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันว่า เป็นสารกัมมันตรังสีโคบอลต์ 60 ซึ่งเป็นสารอันตราย หรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างรอการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสุทธิสารเข้าฉีดน้ำเพิ่มปริมาณออกซิเจนในอากาศ ไม่ให้สารเคมีฟุ้งกระจาย โดยปิดกั้นบริเวณจุดเกิดเหตุในระยะ 200 เมตร เร่งอพยพประชาชนที่พักอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงออกจากจุดเกิดเหตุแล้ว พร้อมประสานเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเข้าที่เกิดเหตุ

ด่วน! พบสารกัมมันตรังสี  ในโกดังสินค้าซอยพหลโยธิน 24


สำหรับสารกัมมันตรังสี โคบอลท์-60 นั้นใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ที่ถูกรังสีนี้จะให้เกิดเม็ดเลือดขาวต่ำ มีอาการอ่อนเพลีย มือไหม้พอง และสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งบางคนมีอาการตื่นกลัวไม่ยอมรักษาโดยวิธีฉายรังสีจากโคบอลท์-60 หรือสารรังสีหรือแร่โคบอลท์-60 ประกอบด้วย รังสีแกมม่าและรังสีเบต้าและรังสีที่ใช้เป็นตัวรักษาเป็นอันตราย คือ รังสีแกมมา มีแรงทะลุทลวงมากกว่า รังสีเบต้ามาก

ด่วน! พบสารกัมมันตรังสี  ในโกดังสินค้าซอยพหลโยธิน 24


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า สารเคมีดังกล่าวบรรจุอยู่ในกล่องที่วางทิ้งไว้ในโกดังดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้มีนักธุรกิจชาวเกาหลีเป็นผู้เช่า แต่ได้ย้ายออกไป เจ้าของอยู่ระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซมใหม่ โดยคนงานไปพบกล่องสารเคมีวางอยู่

ด่วน! พบสารกัมมันตรังสี  ในโกดังสินค้าซอยพหลโยธิน 24


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 12 พฤษภาคม ดร.อัจฉรา วงศ์แสงจันทร์ เลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ได้เปิดเผยว่า ภายหลังได้รับแจ้งจากประชาชน ซึ่งโทรศัพท์เข้ามาแจ้งที่สาย HOTLINE ว่าพบสารเคมีที่อาจจะเป็นอันตรายนั้น ทางเราได้ส่งผู้เชี่ยวชาญฉุกเฉิน พร้อมอุปกรณ์ ไปยังที่เกิดเหตุประมาณ 4-5 คน เข้าไปตรวจสอบพร้อมอุปกรณ์ว่า สารเคมีที่พบนั้นคืออะไร ซึ่งเบื้องต้นน่าจะเป็นอุปกรณ์ รังสีแกมม่าทางอุตสาหกรรมถ่ายภาพ ซึ่งเมื่อผู้เชี่ยวชาญถึงพื้นที่ก็จะทราบว่าจะต้องทำอย่างไร ซึ่งตอนนี้ขอเวลาให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน
เราได้ทำการกั้นพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นพื้นที่ห้ามเข้า ห้ามประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งคำแนะนำและไม่อยากให้ประชาชนแตกตื่น คือ ต้องให้ความมั่นใจกับเจ้าหน้าที่ เพราะเจ้าหน้าที่อยู่ในสถานการณ์แล้ว ต้องเชื่อฟังเจ้าหน้าที่ว่าจะต้องปฎิบัติอย่างไร ขอประชาชนอย่าแตกตื่น ดร.อัจฉราระบุ

logoline