สั่งเด้ง 3 ตร.ออกนอกพื้นที่ ขณะที่ญาติสงสัย ถูกเผานั่งยางเข้าตรวจ DNA

ความคืบหน้าคดี สุสานเผานั่งยาง ป่าสงวนแห่งชาติป่ากุดจับ โคกเฒ่าคำภา บ.คำบอนเวียงชัย ม.3 ต.หนองแวง อ.บ้านผือ หลังจากที่ทางนิติเวชกลาง แจ้งว่าสามารถตรวจดีเอ็นเอจากกระดูกที่ส่งมาตรวจในหลุมที่ 8 ได้ ทำให้วันนี้ทางญาติที่แจ้งความประสงค์ของตรวจดีเอ็นเอไว้ที่ สภ.บ้านผือ ทยอยเดินทางมาทำการสอบปากคำ กับพนักงานสอบสวน ภ.จว.อุดรธานี ก่อนที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานอุดรธานี จะทำการเก็บดีเอ็นเอที่กระพุ้งแก้มของญาติผู้ที่สูญหาย

สำหรับการสอบปากคำญาติผู้สูญหาย พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ได้ร่วมสังเกตการณ์การสอบปากคำ พร้อมสอบถามกับผู้เสียหาย ที่ยังคงทยอยเดินทางมาให้ปากคำ ขณะที่ได้ร่วมกับตำรวจพิสูจน์หลักฐานอุดรธานี ตรวจสอบการจัดเก็บดีเอ็นเอของญาติผู้สูญหายที่เดินทางมาให้ปากคำในวันนี้ โดยล่าสุดมีญาติผู้สูญหายเข้าแจ้งความและประสงค์ตรวจดีเอ็นเอที่ สภ.บ้านผือ แล้ว 31 ราย

วันนี้มีญาติผู้สูญหายที่เดินทางมาจาก จ.ระยอง คือ น.ส.สมสมร ชิดเชื้อ ราศฎร ชาว ต.ห้วยยาง อ.แกลง จ.ระยอง เดินทางมาเพื่อสอบปากคำและทำการตรวจเก็บดีเอ็นเอ หลังจากที่น้องชาย ชื่อ นายณัฐพร ชิตเชื้อ หายตัวไปตั้งแต่ปี 2545 ขณะที่เดินทางมาหางานทำที่ จ.อุดรธานี รวมทั้งนางเสาวลักษณ์ คชมิตร ราษฎร ต.ศรีสุทโธ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ที่ได้แจ้งความว่า นายวีระศักดิ์ หรือโอเล่ ธรรมมามนต์ พี่ชาย ที่ถูกชาย 3 คน ที่อ้างตัวเป็นตำรวจอุ้มขึ้นรถ ต่อหน้าจากร้านโบกี้เทเลคอมตลาดเทศบาลตำบลศรีธาตุ อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี เมื่อเย็นวันที่ 14 ธ.ค.51 แล้วหายตัวไป ก็ได้เดินทางมาสอบปากคำและตรวจเก็บดีเอ็นเอ โดยมีญาติที่เดินทางมาวันนี้ 8 ราย

พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางตำรวจกำลังดำเนินการตรวจเก็บดีเอ็นเอผู้ที่มาแจ้งความไว้ โดยมีการส่งไปตรวจที่สถาบันนิติเวชกลางแล้ววานนี้ 14 ราย ซึ่งทางตำรวจพิสูจน์หลักฐานแจ้งว่า ในการตรวจดีเอ็นเอที่จะได้ผลดี ต้องตรวจจากสามี ภรรยา และบุตร ของผู้ที่สูญหาย ที่จะทำให้ผลตรวจได้ง่าย ส่วนพี่น้องจะตรวจค่อนข้างยาก จึงขอฝากว่า หากญาติผู้สูญหายที่ยังไม่มาสอบปากคำเพื่อตรวจเก็บดีเอ็นเอ ให้เป็นสามี ภรรยา หรือบุตร มาตรวจเก็บดีเอ็นเอจะดีที่สุด

ส่วนการย้ายตำรวจในส่วนของสภ.น้ำโสม ที่มาเกี่ยวข้องกรณีของนายดารา พาไสย์ ที่ร้องเรียนมา เรื่องนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวนทางวินัย ยังไม่สรุปความผิดออกมา แต่ในการดำเนินการทางปกครอง เพิ่อป้องกันไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยาน ที่อาจจะมีการข่มขู่ในส่วนของพยานหลักฐานต่าง ๆ ได้สั่งให้ตำรวจที่ถูกร้องเรียนไปปฏิบัติหน้าที่ที่สถานีตำรวจภูธรอื่นก่อนเป็นการชั่วคราว ประกอบด้วย ร.ต.ท.วิเชียร ศรีคราม รอง สว.สส. ร.ต.ต.ธวัช บุตรแสนลี รอง สว.สส. ด.ต.พิทยา มหาชาติ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม โดยวันที่ปฏิบัติราชการสัปดาห์หน้า ผมจะเรียกทั้ง 3 คน มาพูดคุยกำชับการทำงาน เพื่อให้หัวหน้าสถานีตำรวจที่รับตัวไปได้กำหนดภารกิจในการปฏิบัติหน้าที่ ที่สามารถสอดส่องควบคุมความประพฤติได้

พล.ต.ต.พีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับในส่วนที่ตั้งกรรมการสอบทางวินัย คงต้องใช้เวลาบ้าง ที่ผ่านมามีการสอบปากคำเบื้องต้นไว้แล้ว แต่พยานหลักฐานไม่ดีเท่าที่ควร จึงของฝากไปยังนายดารา พาไสย์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องมีความมั่นใจในการทำงานของตำรวจ เพราะถ้าไม่มั่นใจเราก็จะไม่ได้พยานหลักฐานที่ตำรวจกระทำผิด มีพฤติการณ์ข่มขู่ หรือในส่วนอื่นอีก ถ้าไม่ให้ข้อมูลกับเรา พยานที่มีแบบตัวต่อตัวมันสู้ไม่ได้ มันไม่พอที่จะนำมาใช้ลงโทษทางวินัย

จึงขอให้ผู้ที่ร้องเรียนมาให้ข้อมูลกับเรา โดยจะมีการสอบข้อมูลทั้ง 2 ฝ่าย ในการนำมาใช้ในการสืบสวนสอบสวนทางวินัย ซึ่งหลังการย้ายเราคงไปจำกัดสิทธิของเขาที่จะไม่ให้เข้าพื้นที่ไม่ได้ แต่เราต้องควบคุมการปฎิบัติของเขาให้ดี น่าจะเพียงพอ หากพบว่ามีการคิดจะไปกระทำผิดอีก ก็มีมาตรการอื่นต่อไปอีก ส่วนการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้ต้องสงสัย

พล.ต.ต.พีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของคดีนางกุหลาบ อินทร์ศรี และ นางบังอร ทองอ่อน จะมีผู้ต้องสงสัยหลบหนีไปก่อนหรือไม่นั้น ทางตำรวจเรายังสามารถติดต่อกับทุกคนได้ เราเป็นผู้สอบสวนหาข้อมูลให้ว่า มีพยานหลักฐานไหมว่าเขาเป็นผู้กระทำผิด ตอนนี้เขาสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ ที่มีว่าบางคนหายไปจากพื้นที่ เราก็เจอตัวแล้ว เขาใช้ชีวิตตามปกติของเขา ไปทำงานไปทำธุระนอกพื้นที่ตามชีวิตที่ปกติ คนที่กลับมาแล้วก็มี ที่ยังไม่กลับก็มี แต่เราสามารถติดต่อได้ทุกคน ไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด