เมื่อเวลา 15.45 น. ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินแถลงข่าวผลการตรวจสอบโครงการติดไฟประดับอุโมงค์ไฟ LED จำนวน 5 ล้านดวง งบประมาณ 39.5 ล้านบาท ของสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กทม. ว่าคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ได้ประชุมพิจารณาในเรื่องนี้โดยมีประเด็นที่ตรวจสอบพบว่ามีพฤติกรรมฮั้วราคาหรือสมยอมกัน และนำมาซึ่งความเสียหาย จากพฤติกรรมไม่สุจริต ซึ่งมีข้อพิรุธต่างๆ ตั้งแต่การนำงบฉุกเฉินมาใช้ ทั้งที่งบฉุกเฉินจะต้องดำเนินการใช้ในเรื่องทีจำเป็นเร่งด่วน ถึงแม้การใช้งบฉุกเฉินจะเป็นอำนาจของผู้ว่าฯกทม. ทั้งหมดก็ตาม
นายพิศิษฐ์กล่าวว่า จากการเรียกบริษัทที่มาให้ข้อมูลทั้งทีชนะการประกวดราคา และบริษัทอื่น พบว่าไม่มีประสบการณ์การประดับไฟบริษัททั้งหมดเพิ่งจดทะเบียนไปพร้อมกับช่วงที่ผู้ว่าฯกทม. ออกนโยบายกิจกรรมประดับไฟส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยพบว่าบริษัทจิปาถะไอเดีย กับบริษัทคิวริโอ เป็นเครือข่ายเดียวกัน ซึ่งมีการจดทะเบียนเพื่อไปสอบถามราคากลางในโครงการนี้
จากนั้น ก็เหลือบริษัทแข่งขันสองบริษัทคือบริษัทคิวริโอ และ บริษัทสรรค์สร้าง ทั้งที่สองรายไม่มีคุณสมบัติ ที่เหมาะสมแต่ก็เข้ามาจดทะเบียนเพื่อให้ตรงกับทีโออาร์ที่ กทม. ประกาศไว้ ซึ่งในทีโออาร์ก็พบอีกว่า ในรายละเอียดไม่ได้ใส่ใจในคุณสมบัติของบริษัท แต่พิจารณาเพียงแค่บริษัทที่พิจารณามาจดทะเบียนร่วมเท่านั้น
นายพิศิษฐ์กล่าวต่อว่าจากข้อพิรุธต่างๆ คตง. จึงมีมติเอกฉันท์ ว่าพฤติการณ์ครั้งนี้น่าเชื่อว่ามีการทุจริตซึ่งมีผู้เกี่ยวข้อทั้งหมด 9 คน โดยมี 1.ผู้ว่า กทม. 2. นายธวัชชัย จันทร์งาม ผอ.กองการท่องเที่ยวของสำนักวัฒนธรรมฯ 3. น.ส.ปราณี สัตยประกอบ ผอ.สำนักวัฒนธรรมฯ 4 นายยศศักดิ์ คงมาก ผอ.สำนักงบประมาณ กทม. และ คณะกรรมการกำหนดทีโออาร์อีก 5 คน รวมทั้งหมดเป็น 9 คน ซึ่งทาง คตง. จะรีบทำสำนวนส่งไปทาง ป.ป.ช. สัปดาห์นี้เพื่อดำเนินคดอาญาตามกฎหมายขณะเดียวกันจะส่งเรื่องให้ปลัด กทม. เพื่อดำเนินการสอบสวนทางวินัย ขณะที่เอกชนที่เกี่ยวข้อง สตง. ต้องส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามกฎหมายเพื่อพิจารณาความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา
ทั้งนี้ คตง .ตั้งข้อสังเกตุว่่าเมื่อเช็คราคานำเข้าของไฟอยู่ที่ 29 ล้านบาท จึงต้องสอบสวนว่ามีส่วนต่างขนาดไหนอย่างไรจากที่ตั้งไว้
นายพิศิษฐ์กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา สตง. พยายามเรียกผู้ว่าฯกทม. มาชี้แจงถึง 2 ครับ แต่ก็มีนายอมร กิจเชวงกุล และนายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าฯมาชี้แจง ซึ่งก็ระบุว่าทำตามนโยบายผู้ว่า กทม.
การตรวจสอบพบว่าบริษัทที่ชนะการประกวดราคาได้เตรียมสิ่งของก่อนที่จะทราบผลการประมูลด้วยซ้ำซึ่งเป็นข้อพิรุธที่ปรากฎอย่างชัดเจน ส่วนข้าราชการที่มีความผิดต้องส่งเรื่องให้ปลัด กทม. สอบวินัยซึ่.โทษสูงสุดจะเป็นการปลดออก ส่วนถ้าทั้ง 9 คนที่เกี่ยวข้องมีความผิดในเรื่องนี้ตาม พ.ร.บ.ฮั้วประมูลก็มีโทษที่จำคุก 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 400,000 บาท ขณะที่โทษของผู้ว่าฯ กทม. จากนี้จะทำหนังสือถึงพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการต่อ แต่ยืนยันว่าสตง. ทำตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ที่ผ่านทำอย่างตั้งใจตามข้อเท็จจริง โดยพิจารณาจากข้อเท็จจริงบนหลักฐานที่มีอย่างถ่องแท้จึงมีมติเอกฉันท์โดยไม่มีอคติใดๆ
"ส่วนผู้ว่าฯจะลาออกหรือไม่ ไม่สามารถแนะนำได้เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม หาก ป.ป.ช.สอบสานจนถึงชี้มูลก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ "นายพิศิษฐ์กล่าว
ด้านนางเบญทราย กียปัจจ์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯกทม.กล่าวเพียงสั้นๆว่า จะขอฟังข้อมูลรายละเอียดการแถลงข่าวอย่างละเอียดอีกครั้ง ภายหลังจาก ได้มอบหมายให้ช่องเมโทรทีวี ทีวีมหานคร บันทึกเทปการแถลงข่าวของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก่อนจะมีการแถลงข่าวต่อไป