ตร.นำคนขับแท็กชี่ "ฉุดสาวพม่า"หวังข่มขืนทำแผน

โดยมีพฤติกรรมดังนี้ ผู้เสียหายชาวเมียนมาร์ทั้งสองคนชื่อนายตันซูออง และนางอีอีมูน สองสามีภรรยาเดินทางโดยสารรถทัวร์มาจากอำเภอแม่ฮ่องสอน จังหวัดตาก และลงที่สถานีโดยสารหมอชิต แต่เนื่องจากหลับบนรถทัวร์โดยสารจึงลงผิดที่ ไปลงที่ท่ารถหน้าเมเจอร์ รังสิต จึงเรียกแท็กซี่เพื่อจะเดินทางต่อไปสมุทรปราการ โดยมีนายอนันต์ เอี่ยมลออ เดินมาเรียกอยู่ทั้งสองไปขึ้นรถโดยสารแท็กซี่คันที่นายศราวุธ โลเปือย หรือเอ็ม เป็นคนขับจอดรอผู้โดยสารอยู่หน้าห้างเมเจอร์รังสิตหลังจากขึ้นรถแท็กซี่ แล้วนายศราวุธได้ขับรถวนอยู่แถวรังสิต และพูดจาข่มขู่เรียกเอาเงินและทรัพย์สินแต่ผู้เสียหายไม่ยอม นายศราวุธ จึงได้ใช้โทรศัพท์เรียกนายอนันต์ และนายชาลี หนูขาว มาร่วมก่อเหตุโดยตามมาขึ้นรถระหว่างทาง
เมื่อทั้งสองคนขึ้นรถมาแล้วก็ได้พูดจาข่มขู่เอาทรัพย์สินและได้ขับรถพามาถึงที่เปลี่ยว บริเวณป่าหญ้าใกล้ร้านโซนรังสิต อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาได้ทำร้ายร่างกาย นายตันซูออง จนหมดสติทิ้งไว้ในป่า จากนั้นได้เอาทรัพย์สินไปคือโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง ราคา 5500 เงินสด 500 บาท ส่วนนาง อี อี มูล ถูกคุมตัวอยู่บนรถ

หลังก่อเหตุแล้วคนร้ายทั้งสามคนจึงได้ขับรถหลบหลบหนี โดยมีนางอีอีมูน ภรรยาของในนายตันซูออง ติดรถไปด้วย ตลอดเส้นทางได้ค้นตัวนายอีอีมูนเพื่อเอาทรัพย์สิน ต่อมาทั้งสามคนพานางอิมูลไปที่ห้องพักย่านดอนเมือง แล้วปล่อยทิ้งไว้โดยได้เอามือถือยี่ห้อโนเกียไม่ทราบรุ่นราคาประมาณ 3000 บาทและเงินสดอีก 700 บาทของนางอีอีมูน
ต่อมา นางอีอีมูนหลบหนีไปให้ป้าที่ขายข้าวแกงช่วย พร้อมเรียกวินมอเตอร์ไซต์ให้ไปส่งแค้มป์คนงานก่อสร้าง หน้าตลาดใหม่ดอนเมือง เนื่องจากบริเวณนี้มีคนงานชาวเมียนม่าเยอะ น่าจะพูดคุยกันรู้เรื่อง จนกระทั้งมาพบกับหัวหน้าดูแลความปลอดภัยโครงการรภไฟสายสีแดง ย่านดอนเมือง จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือต่อจนเป็นข่าวในเวลาต่อมา

จากนั้นนายศราวุธ และนายชาลีได้หลบหนีไปอยู่ จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามไปอย่างใกล้ชิด และประสานกับตำรวจท้องที่สภ. ติดตามจนสามารถจับกุมตัวได้ที่ตลาดหนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์และติดตามยึดของกลางเป็นรถยนต์แท็กซี่เขียว-เหลือง ทะเบียน มช 8872 กทม. ซึ่งนายศราวุธใช้ก่อเหตุ 2 รถยนต์แท็กซี่เขียวเหลืองทะเบียน มง9630 กทม. ของนายชาลี
ต่อมานายอนันต์ เอี่ยมลออ ได้ขอเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามกดดันเพื่อทำการจับกุมอย่างกระชั้นชิด เกรงว่าจะเป็นอันตรายจึงขอมอบตัวเสียก่อน
โดยทั้งสามคนรับสารภาพที่ได้กระทำผิดไป และขอโทษเพื่อนอาชีพแท็กซี่ที่พวกตนเองได้ก่อเหตุแบบนี้ทำให้อาชีพขับแท็กซี่เสียหาย และเสียความมั่นใจต่อประชาชนที่ใช้บริการแท็กซี่

ด้านพลตำรวจเอกปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษา (สบ.10) กล่าวว่า ในเรื่องของคิวรถตู้และรถสองแถวที่ผ่านมาได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องและดีอยู่แล้ว ส่วนแท็กซี่นั้น ได้มีรถแท็กซี่จากจุดต่างๆ เข้ามารับผู้โดยสารมากขึ้น เนื่องจากบริเวณรังสิตเป็นเส้นทางคมนาคมเข้าสู่กรุงเทพและออกต่างจังหวัด หลังจากนี้คงต้องร่วมกับผู้ประกอบการรถแท็กซี่และผู้ที่ขับขี่แท็กซี่ จัดทำมาตรการสร้างความมั่นใจเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รู้สึกปลอดภัยกับการใช้บริการรถแท็กซี่ โดยเฉพาะเวลาค่ำคืน เหตุการณ์นี้ทำให้หลายฝ่ายเสียภาพพจน์ที่ดี ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจในการใช้บริการ ซึ่งตนเองเชื่อว่าผู้ประกอบการและผู้ขับรถแท็กซี่อยากที่จะปรับตัวในเรื่องนี้ด้วย โดยร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลด้านความปลอดภัยต่อไป