ความคืบหน้า ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2558 นางกัลย์สุดา สำแดง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาได้ มีความพยายามติดตามหาลูก มาโดยตลอด ทั้งจากทางตำรวจและโดยตัวเอง แต่ก็ไม่เคยได้ข่าวคราว จนกระทั่งเมื่อเดือนสิงหาคม ตำรวจโทร.มาหา และบอกว่าน่าจะพบลูกสาวที่หายไปแล้ว จึงได้ร่วมเดินทางไปที่จังหวัดชัยภูมิ เมื่อตำรวจถามว่า จำลักษณะพิเศษของลูกได้หรือไม่ ก็ตอบได้ทันทีว่า หูของลูกมีติ่งแหว่งข้างซ้าย เมื่อเปิดดูก็มีจริงๆ และมีการตรวจดีเอ็นเอ จนสุดท้ายก็มีผลออกมาว่า เป็นลูกของตัวเองจริงๆ
นางกัลย์สุดา กล่าวอีกว่า ครั้งนั้นเป็นการเจอหน้ากันครั้งแรก หลังจากที่ลูกหายไปจากอ้อมอก รู้สึกดีใจมากๆ แต่ก็รู้สึกสะท้อนในใจเพราะลูกไม่มีความคุ้นเคย แต่ความรู้สึกผูกพันของความเป็นแม่ไม่เคยจืดจาง ต้องยอมรับว่า ครอบครัวทางโน้นรักและเลี้ยงดูเป็นอย่างดี โดยเฉพาะปู่กับย่าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด
ที่ผ่านมาแทบจะเสียผู้เสียคน ต้องอาศัยพึ่งยาคลายเคลียด คิดมากทั้งต้องพลัดพรากจากลูก และยังถูกสังคมประณามต่างๆนานา บ้างก็ว่าขายลูก บ้างก็ว่ายกลูกให้คนอื่น ซึ่งไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าหัวอกคนเป็นแม่จะเจ็บแค่ไหน ตอนนี้อยากให้ลูกกลับมาอยู่กับครอบครัว ที่บ้านนี้แม้จะไม่ร่ำรวยแต่ก็มีรายได้ พอเลี้ยงดูแลให้การศึกษา ไม่ต้องการเงินของใคร ลูกทั้งคนไม่เคยคิดจะขาย แม่แต่แมวหมาที่เลี้ยงไว้ยังรักเลย นี่ลูกทั้งคน ก็คงจะสู้ถึงที่สุด แต่ทั้งนี้ก็จะต้องทำตามวิธีการของคณะกรรมการสหวิชาชีพที่เข้ามาดูแล เพื่อไม่ให้กระทบกับความรู้สึกของลูกที่สุด นางกัลย์สุดา กล่าว
และมีข่าวว่า จะมีการจ่ายเงินเพื่อปลอบขวัญและให้ เพื่อขอไปเป็นลูกบุญธรรมนั้น นางกัลย์สุดา กล่าวว่า ก็ไม่เคยคิดจะยกให้ เพราะลูกมีแม่ที่แท้จริง ใบเกิดก็แจ้งไว้แล้ว ตั้งแต่วันหลังคลอด ก่อนที่หมอจะอนุญาตให้กลับบ้าน แต่ลูกก็มาหายไปเสียก่อน ที่สำคัญคิดว่า คนที่ทำผิดก็ควรจะรับผลที่ก่อขึ้น เพราะที่ผ่านมาคนที่เป็นแม่ต้องสูญเสียต้องจมอยู่กับความทุกข์มานานกว่า 4 ปี ไม่ใช่แค่ตนเองเท่านั้นแต่ทุกคนในบ้านต่างก็เฝ้ารอให้มีวันนี้ นางกัลย์สุดาบอกอีกว่า ปัจจุบันมีอาชีพรับจ้างที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ส่วนปู่ก็เป็นข้าราชการบำนาญ
และรายงานแจ้งว่า ในวันที่ 9 พ.ย.กรรมการ สหวิชาชีพ ขอนแก่น รวมทั้งนางกัลย์สุดา และญาติ จะเดินทางไปร่วมประชุม กับฝ่ายครอบครัวของผู้ต้องหาที่จังหวัดชัยภูมิ เพื่อหาข้อยุติและข้อปฏิบัติที่ทุกฝ่ายจะต้องทำเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับเด็กหรือมีก็น้อยที่สุด รวมทั้งเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้เป็นแม่ที่แท้จริงด้วย
ด้านการดำเนินคดี พ.ต.อ.พิสิฐ หลวงเทพ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมืองขอนแก่น เจ้าของคดี บอกว่า สำนวนได้มีการตั้งแต่ปี 2554 เพียงแต่มีการสอบสวนเพิ่ม และขณะนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังที่เรือนจำกลางขอนแก่น และรอหลักฐานเพิ่มเติมเล็กน้อย คาดว่า จะสามารถส่งฟ้องได้ภายใน 15 วันนี้
ขณะเดียวกันได้รับแจ้งว่า ญาติของนางอัญชุลี ได้มีการยื่นเรื่องขอประกันตัวต่อศาล โดยทางศาลให้ประกันได้ด้วยหลักทรัพย์ค้ำประมาณ 180,000 บาท