ทั้งนี้เนื่องจาก พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว และ พล.ต.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา หวั่นเกรงว่านายยงยุทธ พบแก้ว หรือนายอ๊อด พยุงวงษ์ ผู้ต้องหาคนไทยที่ถูกศาลอนุมัติออกหมายจับแล้วว่ามีส่วนพัวพันและรู้เห็นการวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ ทำให้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก อาจหนีการติดตามไล่ล่าของ จนท.ฯแล้วลักลอบปลอมมาเป็นแรงงานชาวเขมรเพื่อหลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้านได้ โดยเฉพาะพื้นที่ตะเข็บแนวชายแดนตามช่องทางธรรมชาติ อีกทั้งบริเวณตะเข็บชายแดนทิศเหนือตลาดโรงเกลือมีการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่มีแรงงานชาวกัมพูชา จำนวนมากทำงานอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว จึงเกรงว่าผู้ต้องหาคนดังกล่าวอาจฉวยโอกาสที่ จนท.กำลังพุ่งเป้าค้นหาไปที่บริเวณชายแดน จ.กาญจนบุรี ลักลอบหนีมาทางชายแดนด้าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เนื่องจากเป็นบุคคลที่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน อาจทำให้ปลอมเป็นแรงงานต่างด้าวง่ายขึ้น ได้จึงสั่งกำชับ จนท.ทุกหน่วยงานด้านความมั่นคงชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตรวจค้นเข้มทุกพื้นที่ที่เป็นจุดล่อแหลม
ผลจากการตรวจค้น จนท.ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการนำแรงงานทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชากว่า500คน มาให้ จนท.ตรวจสอบเอกสารการทำงานและเอกสารประจำตัวเพื่อเปรียบเทียบกับใบหน้าแรงงานเหล่านั้น โดย จนท.ได้นำสำเนาภาพถ่ายของนายอ๊อด พยุงวงษ์ มาเปรียบเทียบดูด้วย ซึ่งจากการตรวจค้นอย่างละเอียดยังไม่พบตัวและเบาะแสของนายอ๊อด พยุงวงษ์ แต่อย่างใด แต่ จนท.สามารถจับกุมแรงงานชาวกัมพูชาที่ลักลอบเข้ามาทำงานโดยไม่มีเอกสารการอนุญาติทำงานได้ทั้งหมดรวม37คน จึงควบคุมตัวส่งให้ ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.สระแก้ว ควบคุมตัวไปดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองต่อไป นอกจากนี้ จนท.ได้กำชับผู้ประกอบการห้ามรับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาทำงานอย่างเด็ดขาด และขอให้เป็นหูเป็นตาให้กับ จนท.หากพบบุคคลต้องสงสัยที่มีลักษณะและหน้าตาคล้ายนายอ๊อด พยุงวงษ์ ผู้ต้องหาคนไทยรายนี้ฯขอให้รีบแจ้ง จนท.ฯได้ทันที