เมื่อเวลา 00.05 น. วันที่ 8 ก.ค. พ.ต.ท.เมธี ธรรมวิมล พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.บางยี่ขัน รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์และมีผู้ถูกขังไว้ภายในร้านเชอร์รี่นาฬิกา เลขที่ 11 ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรีบรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ รอง ผบก.น.7 พ.ต.ท.วิศิษฐ์ สังขนันท์ รอง ผกก.สส.สน.บางยี่ขัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางยี่ขัน และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.)
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ชั้นเดียว เปิดจำหน่ายสินค้าประเภทนาฬิกา เจ้าหน้าที่พบประตูร้านเปิดอยู่ครึ่งบาน โดยมี น.ส.สุภาพร นันทนัส อายุ 27 ปี พนักงานของร้านยืนคอยเจ้าหน้าที่ด้วยอาการตื่นตระหนก ก่อนจะพาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในร้าน พบร่องรอยถูกรื้อค้นข้าวของกระจัดกระจาย และฝ้าเพดานหน้าร้านกับหลังร้านเสียหาย อีกทั้งยังมีนาฬิกาไม่ทราบยี่ห้อ สีน้ำตาล ซึ่งคาดว่าเป็นของคนร้ายตกอยู่บริเวณห้องเก็บของหลังร้าน เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบปากคำ น.ส.สุภาพร ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ตนกำลังจะปิดประตูร้าน จู่ๆ ได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน อายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาว สีน้ำตาล เข้ามาใช้อาวุธมีดจี้คอตน ก่อนจะลากเข้าไปที่ห้องเก็บของหลังร้านแล้วใช้เศษผ้ามัดข้อมือไพล่หลังผูกติดกับโต๊ะไว้ จากนั้นจึงเดินไปรื้อค้นทรัพย์สินที่หน้าร้าน ต่อมาตนสามารถแกะเศษผ้าออกได้ จึงโทรศัพท์หาเจ้าของร้าน เพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ
จากการตรวจสอบพบว่าทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปประกอบด้วย โน๊ตบุ๊ค ยี่ห้อเลโนโว 1 เครื่อง และยี่ห้อแอปเปิ้ลอีก 1 เครื่องนอกจากนี้ ยังมีโน๊ตบุ๊ค ยี่ห้อเอเซอร์ 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อซัมซุง 1 เครื่อง และยี่ห้อ เอไอเอส 1 เครื่องของตนหายไปด้วย รวมมูลค่าทรัพย์สินที่หายประมาณ 1 แสนบาท
ด้าน พ.ต.ท.เมธี เปิดเผยว่า เบื้องต้น กล้องวงจรปิดของร้านสามารถจับภาพขณะคนร้ายก่อเหตุได้อย่างชัดเจน โดยหลังจากนี้จะประสานฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสของคนร้าย ทั้งนี้ คาดว่าก่อนหน้านี้คนร้ายพยายามจะเข้าทางฝ้าเพดานร้าน แต่ไม่สำเร็จ จึงใช้อาวุธบุกเข้าด้านหน้า
โดยขณะลาก น.ส.สุภาพร ไปหลังร้าน อาจทำให้นาฬิกาที่ใส่มาสายขาดจึงตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ก่อนจะหนีไปแบบไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าตนจะเชิญพนักงานและเจ้าของร้านไปสอบสวนอย่างละเอียดที่ สน.บางยี่ขัน เพื่อหาข้อมูลในการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
