หักเหลี่ยมในวงไพ่ ปมสังหารอดีต"เจ้าพ่อคาเฟ่"

คดีนี้เกิดขึ้นราวสองทุ่มเศษ ของวันที่ 29 มิถุนายน ซึ่งยังไม่ดึกมากนักจึงทำให้บริเวณนั้นยังคงมีผู้คนพลุกพล่าน อีกทั้งจุดเกิดเหตุมีไฟส่องสว่างเพียงพอ ขณะที่กล้องวงจรปิดก็ไม่ได้อยู่ห่างไปนักจึงสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะคนร้ายลงมือเอาไว้ได้
ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นคนร้ายที่ลงมือสังหารอดีตเจ้าพ่อคาเฟ่รายนี้ 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ซึ่งหลังเกิดเหตุตำรวจได้สอบปากคำพนักงานในร้านได้ข้อมูลที่เป็นเบาะแสใช้สาวไปยังตัวคนร้ายได้ค่อนข้างชัด
โดยก่อนที่นายสมยศ และ นางรัศมี สุธางค์กูร อายุ 53 ปี ภรรยาจะเดินทางไปถึง ได้มีชายวัยประมาณ 30 ปีจำนวน 2 คน สวมเสื้อแจ็กเก็ต และหมวกอำพรางใบหน้า เข้ามานั่งรอผู้ตายภายในบริเวณร้านตั้งแต่เวลา 17.00 น.
มีผู้ชาย 2 คน ขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้ามาถามว่าที่นี่ใช่ร้านเฮงหูฉลามหรือเปล่า ผมตอบไปว่าใช่ คนขี่จึงขี่รถไปจอดที่หน้าห้องน้ำห่างจากจุดที่ผ้ตายถูกยิงออกไปราว 15 เมตร ส่วนอีกคนแยกไปนั่งรออยู่ที่โต๊ะหินอ่อน หลังจากผู้ตายรับประทานอาหารกับภรรยาเสร็จแล้วก็เดินกลับไปที่รถ ผู้ชายที่นั่งรถอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนก็ลุกเดินตามไปยิงผู้ตายที่ด้านหลัง ตอนที่กำลังเปิดประตูรถ และจ่อยิงซ้ำที่หัว จากนั้นก็วิ่งไปขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่ติดเครื่องรออยู่หลบหนีไป พนักงานภายในร้านอาหารเฮงหูฉลาม ให้การกับตำรวจ
เบาะแสที่ได้ทำให้ตำรวจพอจะทราบรูปพรรณสัณฐานของทีมสังหาร ขณะที่หลังเกิดเหตุไม่นานมีคนใกล้ชิดนายสมยศและภรรยา เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ ทั้งที่ยังไม่มีใครทราบเลยว่า นายสมยศถูกคนร้ายลอบสังหาร
ตำรวจชุดคลี่คลายคดีจึงเชิญตัวคนใกล้ชิดรายนี้ไปสอบสวนและพบข้อพิรุธหลายอย่างที่อาจเป็นไปได้ว่าคนใกล้ชิดรายนี้อาจมีส่วนรู้เห็นกับคดีสังหารอดีตเจ้าพ่อคาเฟ่
ตำรวจขยายผลทราบว่าแม้นายสมยศมักมารับประทานอาหารที่ร้านเกิดเหตุอยู่เป็นประจำ แต่ระยะหลังไม่ค่อยได้มา แต่ในวันเกิดเหตุผู้ตายได้นัดหมายกับแพทย์เพื่อตรวจร่างกายประจำปีที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง โดยมีภรรยาเป็นคนขับรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ รุ่นอี 200 สีดำ ทะเบียน ฌร 3636 กรุงเทพมหานคร ให้นั่ง
ภรรยาคุณสมยศ บอกว่า วันเกิดเหตุไม่มีใครรู้ว่าคุณสมยศไปที่ไหน มีเพียงคนสนิทซึ่งเป็นผู้หญิงรายหนึ่งที่รู้จักกันมากว่า 10 ปี โทรศัพท์ไปขอยืมเงินภรรยาคุณสมยศ 2 แสนบาท แต่ไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้จึงถามว่าวันนี้คุณสมยศจะไปไหน ภรรยาคุณสมยศจึงบอกว่ากำลังจะไปโรงพยาบาล เสร็จแล้วจะไปรับประทานอาหารที่ร้านเฮงหูฉลาม ทำให้ผู้หญิงรายนี้เป็นคนเดียวที่ล่วงรู้ว่าผู้ตายจะไปไหน และที่น่าสงสัยคือผู้หญิงคนนี้มายังที่เกิดเหตุเร็วมาก มาก่อนญาติผู้ตายอีก ทั้งที่ยังไม่มีใครรู้เลยว่าคุณสมยศถูกยิงตาย แหล่งข่าวในชุดสืบสวนสอบสวน เปิดเผย
ตำรวจยังขยายผลทราบว่า ผู้หญิงคนนี้รู้จักกับนายสมยศและภรรยามากว่า 10 ปี จนมีความสนิทสนมและไว้เนื้อเชื่อใจกัน และมีบ่อยครั้งที่นิยมไปเสี่ยงโชคด้วยกัน
กระทั่งเมื่อปี 2557 ผู้หญิงคนนี้ไปคบหากับผู้ชายคนหนึ่ง มีพื้นเพอยู่ที่ จ.ชุมพร และได้แนะนำให้รู้จักกับนายสมยศและครอบครัว โดยมีอยู่ช่วงหนึ่งผู้หญิงและผู้ชาย 2 คนนี้ได้ชวนนายสมยศไปเล่นการพนันที่ร้านลาบเป็ดแห่งหนึ่งย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี ครั้งนั้นนายสมยศเสียเงินพนันไปราว 4 ล้านบาท
นอกจากนี้ ผู้หญิงคนนี้ยังเคยหลอกนายสมยศว่ามีเรื่องพิพาทเกี่ยวกับที่ดิน และขอเงินนายสมยศไปใช้ในการสู้คดีกว่า 10 ล้านบาท แต่แท้ที่จริงแล้วกลับนำเงินที่ได้ไปใช้เล่นพนันกับชายคนรัก
ตำรวจขยายผลทราบด้วยว่า ด้วยความสนิทสนมหญิงคนนี้ได้ขอให้นายสมยศทำเรื่องเช่าซื้อรถเบนซ์ให้ 1 คัน โดยเธอเป็นผู้ส่งเงินค่างวดเอง ต่อมาผู้หญิงคนนี้นำเงินที่ได้จากการเล่นพนันในบ่อนปอยเปตมาปิดบัญชีเช่าซื้อรถและได้รับการโอนไปครอบครองเอง
"ต่อมาผู้หญิงคนนี้จับได้ว่าชายที่คบหาอยู่ด้วยมีภรรยาอยู่แล้ว ทั้งคู่จึงระหองระแหงกัน ทั้งสองคนจึงพากันไปฟ้องผู้ตายว่าฝ่ายหญิงเอาเงินที่ผู้ตายให้ไปเล่นพนัน ไม่ได้มีเรื่องพิพาทเกี่ยวกับที่ดินจริง ขณะที่ฝ่ายหญิงก็อ้างว่าผู้ชายเป็นฝ่ายหลอกนำเงินไปใช้ ผู้ตายเลยโกรธทั้งสองคนและให้นำเงินที่เอาไปมาคืน โดยให้ฝ่ายหญิงโอนรถเบนซ์คันที่ผู้ตายเคยทำเรื่องเช่าซื้อให้ไปขาย พร้อมกับที่ดินอีก 2 ไร่เศษที่ไปซื้อไว้ที่ อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร มาให้กับผู้ตาย แต่ติดขัดตรงที่ที่ดินผืนนี้เป็นสินสมรสของทั้งสองคน ฝ่ายชายไม่ยินยอมโอนให้ ผู้ตายจึงบอกกับฝ่ายหญิงว่าจะให้เสธ.คนหนึ่งไปอุ้มผู้ชายเอง และหลังจากนั้นไม่นานผู้ชายคนนี้ก็หายไป แหล่งข่าวรายเดิม เปิดเผย
ข้อมูลการสอบสวนยังพบด้วยว่า ก่อนนายสมยศจะถูกยิงเสียชีวิตไม่นาน มีน้องสาวของผู้ชายรายนี้ได้ติดต่อมาหานายสมยศ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับพี่ชายที่หายตัวไป และมีการข่มขู่ว่าหากไม่ส่งตัวพี่ชายคืนให้จะให้มือปืนมาสังหารนายสมยศ เพื่อแก้แค้น และหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ไม่นานนายสมยศ ก็ถูกมือปืนลอบสังหาร
ตำรวจได้เชิญตัวผู้หญิงรายนี้มาสอบสวน หลังจากพบตัวในที่เกิดเหตุไม่นาน ซึ่งผู้หญิงรายนี้ให้การมีพิรุธจนตำรวจเชื่อว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นกับเหตุลอบสังหารนายสมยศ และมีเรื่องราวบางอย่างที่ปกปิดข้อมูลตำรวจ
ส่วนบุคคลที่อ้างถึงว่าเป็นทหารระดับเสธ.คนหนึ่งตามที่ตำรวจมีข้อมูลว่านายสมยศเคยขู่ว่าจะให้ เสธ.คนนี้ไปอุ้มผู้ชายนั้น ปรากฏว่ามีตัวตนจริงเป็นอดีตทหารสังกัดกองทัพไทย มียศร้อยเอก แต่ถูกออกจากราชการเพราะมีปัญหาเรื่องการพนัน
เราให้น้ำหนักกับประเด็นนี้มากที่สุด เพราะมีการข่มขู่เอาชีวิตกัน ส่วนประเด็นอื่นๆ ไม่ได้ตัดทิ้งแต่ให้น้ำหนักน้อย แหล่งข่าวในชุดคลี่คลายคดี กล่าว
สำหรับประเด็นแวดล้อมอื่นนั้นนายสมยศเคยมีเรื่องฟ้องร้องกับอดีตตำรวจยศ พ.ต.ท. รายหนึ่ง เนื่องจากอดีตตำรวจรายนี้เข้าไปเช่าที่ดินที่เคยเป็นที่ตั้งพระราม 9 คาเฟ่ ทำร้านอาหารก่อนจะเปลี่ยนกิจการไปเป็นร้านขายอุปกรณ์ดาวเทียม ซึ่งค้างค่าเช่าที่ดินผู้ตายอยู่ราว 3 ล้านบาท ก่อนจะมีการประนีประนอม
โดยอดีตตำรวจรายนี้ ได้ออกเช็คสั่งจ่ายไว้แล้ว 2 งวด คือเดือนธันวาคม 2558 และเดือนมิถุนายน 2559 โดยระหว่างนี้อดีตตำรวจรายนี้ได้นำรถเบนซ์ รุ่นอี 200 สีดำ ทะเบียน ฌร 3636 กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ตายใช้ในวันเกิดเหตุ มาการันตีไว้ว่าจะจ่ายเงินค่าเช่าที่ดินให้อย่างแน่นอน
การประนีประนอมที่ค่อนข้างลงตัวเกี่ยวกับหนี้สินค่าเช่าที่ดินย่านพระราม 9 จึงค่อนข้างมีน้ำหนักน้อย เช่นเดียวกับกรณีที่มีกระแสข่าวกรณีวิ่งเต้นล้มคดีที่เกี่ยวกับคดีอาญา ซึ่งมีผู้เสียหายรายหนึ่งได้เข้าแจ้งความไว้กับตำรวจกองปราบปราม กล่าวหา นายสมยศและพวกรับเงินค่าวิ่งเต้นล้มคดีไปกว่า 25 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถเคลียร์คดีได้ แต่ในคดีนี้นายสมยศไม่ได้เป็นคู่กรณีเพียงคนเดียว ยังมีคนอื่นอีกหลายคนรวมอยู่ด้วย จึงมีน้ำหนักที่นำไปสู่การสังหารค่อนข้างน้อยกว่าปมหักเหลี่ยมกันระหว่างคนใกล้ชิดที่สนิทสนมกันเพราะอยู่ในแวดวงนักพนันด้วยกัน
สมยศ สุธางค์กูร เคยถูกจัดให้เป็นเจ้าพ่อคาเฟ่ในอดีต โดยเป็นเจ้าของ พระราม 9 คาเฟ่ โดยจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท พระราม 9 พลาซ่า จำกัด เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2538 ประกอบกิจการภัตตาคาร บาร์ ไนต์คลับ ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เคยมีชื่อปรากฏในผู้สมัคร ส.ส.ระบบรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 33 และเป็นนายกผู้ประกอบการสถานบันเทิงแห่งประเทศไทย เมื่อปี 2541 เฮียเลี้ยง นายบุญเลี้ยง อดุลยฤทธิกุล เจ้าของดาราคาเฟ่และวิลล่าคาเฟ่ ซึ่งเป็นคู่แข่งทางธุรกิจสำคัญของนายสมยศ ถูกยิงเสียชีวิต ทำให้เขาถูกสงสัยว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่
ในยุคตลกคาเฟ่ เฟื่องฟู พระราม 9 คาเฟ่ ถือเป็นศูนย์รวมตลกชื่อดังทั่วฟ้าเมืองไทย แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่นายสมยศ มีเรื่องกระทบกระทั่งกับตลกดัง คณะเชิญยิ้ม มีการห้ามไม่ให้ตลกตระกูลนี้ ขึ้นแสดงที่คาเฟ่ของเขาอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับที่ตลกตระกูลเชิญยิ้มทุกคนก็บอยคอตไม่แสดงที่พระราม 9 คาเฟ่ เช่นกัน