ที่เกิดเหตุอยู่ตรงข้ามการประปาภาษีเจริญ เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น เปิดขายส่งสินค้าทางเภสัชภัณฑ์ และอุปรณ์ทางการแพทย์ บริเวณชั้น2 พบศพนายวรพงศ์ โอภาสเจริญกิจ อายุ 51 ปี ซึ่งเจ้าของบริษัทเซอร์ไคล์ฟ มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ ขมับซ้าย 1 นัด นอกจากนี้ยังพบประตูกระจกด้านหน้าถูกยิงแตกเป็นรู 2 แห่งตามผนัง ตั้งแต่ชั้นหนึ่งจนถึงชั้นลอย พบร่องรอยกระสุนจำนวนมาก และที่พื้นยังพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม.ตกอยู่ 21 ปลอก ขณะเดียวกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือนางทิติยา โอภาสเจริญกิจ อายุ 53 ปี เป็นภรรยาของผู้เสียชีวิต ถูกยิงเข้าที่ขาขวา และนายนคร เครือสุนทรวาณิช อายุ 36 ปีเป็นผู้จัดการบริษัทดังกล่าว ถูกยิงเข้าที่ชายโครง ผู้บาดเจ็บทั้ง 2 รายถูกนำตัวส่ง รพ.เกษมราษฎร์บางแค โดยแพทย์รีบรักษาอย่างเร่งด่วน
ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อภายหลัง นายประสิทธิ์ ต่อมณี อายุ 47 ปี หลังก่อเหตุถูกจับกุมเอาไว้ได้ ค้นภายในกระเป๋าสะพายพบอาวุธปืนยี่ห้อ พารา ขนาด 9 มม. 1 กระบอก ใส่แมกกาซีนกระสุนเต็มแม็ก และแม็กเปล่าอีก 1 อัน และค้นภายในรถยนต์ฟอร์ด เลเซอร์ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน สณ 5347กทม. ซึ่งเป็นของผู้ก่อเหตุ พบกระสุนปืนขนาด 9 มม. 2 กล่อง และกล่องกระสุนเปล่าอีก 1 กล่อง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวน นส. ณัฐสุดา โอภาสเจริญกิจ อายุ 30 ปี น้องสาวผู้ตาย ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุมีพนักงานรวมผู้บริหารกำลังทำงานอยู่ภายในบริษัทฯรวม12 คน ต่อมาได้มีนายประสิทธิ์ ซึ่งเป็นลูกค้า ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ไปหลายรายการแล้ว ซึ่งล่าสุดเมื่อประมาณเดือนเศษที่ผ่านมาได้ ซื้อเครื่องออกซิเจนช่วยหายใจไปให้กับแม่ที่นอนป่วยอยู่ที่บ้านย่านจักวรรดิ์ ผ่านไปไม่นานนายประสิทธิ์ก็นำอุปกรณ์ดังกล่าวมาขอเปลี่ยนเครื่องใหม่ โดยอ้างว่าเครื่องไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งทางบริษัทฯก็ให้เหตุผลว่า ต้องเข้าที่ประชุม และพิจารณาก่อน จนกระทั่งช่วงบ่ายนายประสิทธิ์ได้ขับรถมาจอดต่อท้ายรถเบนซ์ รุ่นอี 200 สีดำ หมายเลขทะเบียน 4 กจ 4688 กรุงเทพมหานครของนายวรพงศ์ โดยหันหน้าออกไปทางถ.กาญจนาภิเษก แล้วเอาเครื่องช่วยหายใจเข้ามาภายในบริษัทฯ
โดยบอกว่าจะขอพบเจ้าของ ตนก็บอกว่าเจ้าของประชุมอยู่บนชั้นลอย สร้างความไม่พอใจให้กับนายประสิทธิ์ เดินออกไปขับรถถอยหลังเข้ามาชนรถเบนซ์ของนายวรพงศ์ แล้วหยิบปืนที่รถเดินเข้ามาภายในบริษัท พนักงานเห็นท่าไม่ดีรีบเดินไปปิดประตูกระจก นายประสิทธิ์จึงยิงปืนใส่ประตู2นัด กระจกแตกทั้งบาน จากนั้นก็เดินสาดกระสุนไล่ตั้งแต่ชั้น1 เพื่อเบิกทางหลายนัด จนพนักงานทุกคนต้องก้มลงหมอบหลังเคาท์เตอร์ แล้วนายประสิทธิ์ก็เดินขึ้นไปบนชั้นลอยยิงนายวรพงศ์จนเสียชีวิต จากกนั้นเดินกลับลงมาสาดกระสุนอีกครั้งจนกระสุนพลาดไปโดนนางทิติยา และนายนครได้รับบาดเจ็บตามมาอีก2คน และคนร้ายกำลังจะหลบหนี โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุได้ทัน และสามารถจับกุมคนร้ายไว้ได้
ขณะที่ นายประสิทธิ์ ให้การว่า ตนเป็นพนักงานของบ.เอไอเอ จก.และที่บ้านยังเปิดเป็นร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์ ตนซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่บริษัทนี้หลายครั้งแล้ว เอาไปให้แม่ใช้ และบางครั้งก็ซื้อไปบริจาคให้กับรพ.ที่ธุรกันดาร ล่าสุดเมื่อประมาณเดือนกว่าๆได้มาซื้อเครื่องช่วยหายใจไปให้แม่ แต่เครื่องไม่มีคุณภาพ จึงมาขอเปลี่ยน แต่ทางบริษัทเรื่องมาก จึงเกิดความหงุดหงิด และเตรียมการมาว่าถ้าวันนี้ไม่ให้เปลี่ยนก็จะเคลียร์ให้จบ จะได้ไม่ต้องเครียดอีกต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบร่องรอยกระสุนปืน ขนาด 9 มม. หลายนัด ซึ่งเจ้าหน้าที่สายตรวจสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุพร้อมอาวุธปืนได้ ก่อนที่ผู้ต้องหาจะหลบหนี และเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปสอบปากคำที่ สน.หลักสอง แล้ว เบื้องต้นทราบว่าเกิดจากผู้ก่อเหตุไม่พอใจเรื่องสินค้าทางการแพทย์ที่ซื้อไป แต่เมื่อมาเจรจากลับมีปากเสียงจึงได้ก่อเหตุดังกล่าวขึ้น อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ต้องสอบสวนอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ต้องแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดย เจตนา ทั้งนี้สำหรับนายประสิทธิ์ เป็นสมาชิกของสนามยิงปืนแห่งหนึ่ง และไปฝึกซ้อมยิงปืนอยู่บ่อยครั้ง