จากการสอบสวน ผู้เสียหาย ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับขี่รถปิกอัพจอดแวะเติมน้ำมันและเข้าห้องน้ำไปปัสสาวะ ในระหว่างที่เดินเข้าห้องน้ำชาย จากนั้นรู้สึกว่ามีของแข็งไม่ทราบชนิดกระแทกเข้าศีรษะ เมื่อหันกลับมาดูพบคนร้ายชายวัยรุ่นจำนวน 2 คน สวมใส่หมวกกันน็อกนิรภัยปิดบังใบหน้าทั้งคู่ จากนั้นคนร้ายก็ได้ใช้มือผลักอกจนตัวล้มเข้าไปในสวนหย่อม เมื่อตั้งตัวและสติได้จึงฮึดสู้ชกต่อยกับคนร้ายอยู่สักพักหนึ่ง ระหว่างนั้นก็รู้สึกอีกว่าหนึ่งในคนร้ายมีอาวุธมีดหลังจากใช้หมัดต่อยไปโดน
เมื่อรู้ตัวว่าคนร้ายมีอาวุธจึงหยุดชะงักร้องขอชีวิตกับคนร้ายไว้ แต่คนร้ายไม่สนใจปรี่เข้ามาใช้มีดเข้ามาจ้วงแทงหลายครั้งแต่โชคดีที่หลบทันเลยบาดเจ็บเล็กน้อย ก่อนคนร้ายจะขึ้นรถจักรยานยนต์เป็นยานพนะในการหลบหนี ภายหลังเกิดเหตุได้ตรวจสอบสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง สูญหาย จึงเชื่อว่าคนร้ายน่าจะอาศัยช่วงที่ชุลมุนกระชากติดมือเอาไปด้วย
ภายหลังจากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุและสอบสวนอย่างละเอียดแล้ว พบว่าไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์เลย ทั้งนี้ เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายน่าจะเป็นเด็กวัยรุ่นในพื้นที่ ซึ่งเปลี่ยนรูปแบบการก่อเหตุ โดยมาดักเฝ้าซุ่มดูเหยื่อแต่งตัวดีมีฐานะและสวมเครื่องประดับมีค่าและมาคนเดียวเพียงลำพัง เมื่อสบโอกาสจึงลงมือก่อเหตุทันที ซึ่งถือว่าเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเคยเกิดเป็นครั้งแรก เบื้องต้นได้สั่งการชุดสืบสวนลงพื้นที่สอบปากคำพยานแวดล้อมหาเบาะแสคนร้ายเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป