เจอแล้ว! "พระอุ่น" ตัวการลักศพขอหวย เจาะหน้าผากทำปั้นเหน่ง

เมื่อวานนี้ 17 เม.ย. พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร.(ปป.2) พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ ผบช.ภ.4 พร้อมคณะ เดินทางมาที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานี เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีขโมยศพจากป่าช้า โดยมี พ.ต.อ.สมเกียรติ เกิดจงรักษ์ พ.ต.อ.จักฎ์กฤษณ์ จันทรรัตน์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.วิธ มุทธสินธ์ ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.นวาระ จันนาวัน ผกก.สภ.ประจักษ์ศิลปาคม รายงานเหตุแห่งคดีและความคืบหน้า

พร้อมลงพื้นที่เกิดเหตุ จุดแรกที่ป่าช้าบ้านโนนสา ต.นาม่วง ได้พบกับแม่และญาติของศพของ น.ส.ศิริรัตน์หรือกุ้ง อัคราช อายุ 26 ปี ที่เสียชีวิตขณะตั้งครรภ์อายุ 5 เดือน และศพนายนพรัตน์ หรือเอ หีบแก้ว อายุ 32 ปี บุตรชายของนางอนงค์ ที่เสียชีวิตจากถูกยิง ที่ศพถูกขโมยไปจนตกเป็นข่าว และเดินทางไปที่ป่าช้าบ้านเชียงแหว ต.เชียงแหว พบกับนายมรกต เนตรพรม อายุ 37 ปี และ นางอรอนงค์ ฤทธิ์มหา อายุ 30 ปี พ่อแม่ของศพ ด.ญ.มณีเนตร เนตรพรม 9 ขวบ และ ด.ช.ภาณุพงษ์ เนตรพรมอายุ 8 ขวบ ที่จมน้ำเสียชีวิตและถูกขโมยไปในช่วงแรก โดย พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ฯ ได้ให้กำลังใจกับญาติทุกราย

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.วิธ มุทธสินธ์ ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี และ พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม ผกก.สส.1 บก.ภ.4 ได้นำตัวพระอุ่น อธิโญ อายุ 65 ปี มาสอบสวนให้การพาดพิง นายอุดม แสงแก้ว อายุ 56 ปี เลขที่ 126 ม. 4 บ.โนนสา ต.นาม่วง อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี ,นายขุนทอง เกตุหนู อายุ 32 ปี,นายวรพงษ์ เสนาพล อายุ 20 ปี และนายไวพจน์ ขยายชน อายุ 48 ปี ราษฎร ม.11 ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ร่วมกันทำพิธีขอหวยในป่าช้าบ้านเชียงแหว และป่าช้าบ้านโนนสา มาแยกสอบสวนปากคำ

นายไวพจน์ ให้การรับสารภาพว่า เป็นญาติเด็กที่จมน้ำเสียชีวิต ซัดทอดนายขุนทอง กับนายวรพงษ์ มาจ้างให้ไปชี้หลุมศพเด็กในป่าช้าบ้านเชียงแหว โดยจ้างเป็นเหล้าขาว 20 บาท บอกว่าจะไปทำพิธีขอหวยเท่านั้น แต่ไม่ได้อยู่ตอนทำพิธี ส่วนนายขุนทอง และนายวรพงษ์ ให้การรับสารภาพว่า พระอุ่นให้ขุดหลุมศพ เมื่อเห็นศพแล้วพระอุ่นได้เอาตะขอเกี่ยวเอาศีรษะขึ้นมาใส่ย่าม แล้วพากันกลับออกมาโดยไม่ยอมฝังกลบหลุมให้เรียบร้อย

นายวรพงษ์ และนายขุนทอง ให้การต่อว่า นำเอากะโหลกมาสวดทำพิธีขอหวยบนกุฏิ เมื่อหวยออกมาก็ถูก จากนั้นก็ย่ามใจ เลยชวนกันลักลอบขโมยศีรษะศพตายโหง ในป่าช้าบ้านโนนสา มาทำพิธีขอหวยอีกรวมเป็น 4 ศพแต่ระยะหลังไม่ถูกหวย พระอุ่นและนายอุดม จึงใช้ให้พวกตนนำกะโหลกที่ขโมยมาจากป่าช้าบ้านเชียงแหว ที่เป็นศพของ ด.ญ.มณีเนตร และของ ด.ช.ภาณุพงษ์ ไปทิ้งน้ำที่บริเวณจุดขุดลอก ก่อสร้างท่าเรือบ้านเชียงแหว ในหนองน้ำหนองหานกุมภวาปี หรือทะเลบัวแดง ในเขต ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี อุดรธานี

ต่อมา พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ ผบช.ภ.4 พร้อมตำรวจจาก สภ.กุมภวาปี และ สภ.ประจักษ์ศิลปาคม จึงนำตัว นายวรพงษ์ และนายขุนทอง ไปชี้จุดที่ทิ้งกะโหลกของศพเด็กทั้ง 2 โดยทั้ง 2 บอกว่า พระอุ่นได้เข้ามาขโมยตัดคอศพในวันที่ 14 มีนาคม และทำพิธีในวันนั้น ก่อนนำไปทิ้งได้น้ำกะโหลกห่อด้วยผ้าจีวร และมีการเจาะกะโหลกของทั้ง 2

ซึ่งช่วงที่ตัดคอศพขึ้นมา พระอุ่นจะเจาะกะโหลกทั้ง 2 ตรงหน้าผากเก็บไว้ทำปั้นเหน่ง และสวดมนต์เป็นภาษาเขมร จากนั้นได้มีคนขับรถกระบะเข้ามาที่จุดทำพิธี มารับเอากะโหลกปั้นเหน่งไป ซึ่งตนได้ยินเขาคุยกันด้วยภาษาเขมร ก่อนที่พระอุ่นจะพาพวกตนนำกะโหลกมาโยนทิ้ง โดยโยนกะโหลกอันหนึ่งลงน้ำทางฝั่งซ้าย และอีกกะโหลกโดยทิ้งทางฝั่งด้านขวา ส่วนอีก 2 ศพหลังจากนั้นพวกตนไม่ทราบว่า พระอุ่นให้ใครเอาไปทิ้งที่ไหน

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานชุดประดาน้ำจากมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรม จำนวน 5 คน เพื่อทำการงมหากะโหลกตามที่นายวรพงษ์ และ นายขุนทอง ชี้ว่าทิ้งที่จุดไหน แต่ในส่วนฝั่งขวา มีเครื่องจักรเข้ามาทำการขุดลอกดินขึ้นมาถม โดยทางตำรวจระดมเดินตรวจหา แต่ยังไม่พบกะโหลกตามที่ทั้ง 2 ระบุ

พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่าคดีนี้ถึงแม้จะเป็นเพียงคดีลักทรัพย์ธรรมดา ที่มีอัตราโทษไม่มากนัก แต่ทาง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ได้ตระหนักถึงความสำคัญในคดี เป็นคดีที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับพี่น้องประชาชนในท้องถิ่นทราบว่ามีการเจาะหน้าผากไปทำปั้นเหน่งอีกที่สำคัญมันสร้างความซ้ำเติมความเสียใจให้กับพ่อแม่ญาติพี่น้องของศพที่ถูกกระทำ ถึงจะเป็นคดีเล็ก แต่ตำรวจเราต้องเร่งจับตัวคนร้ายมาดำเนินให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก โดยเฉพาะพยานบุคคลที่ให้ถ้อยคำระบุถึงผู้กระทำความผิด โดยตำรวจกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้เร็วที่สุด เพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป