"ดาบชาญชัย"ให้การซัดทอดผู้จ้างวาน แฉจ่าย 3 แสนฆ่าพระหมอ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 มี.ค. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันม่วง ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสตช. ร่วมกันแถลงการจับกุมตัว นายบุญนาค หงษาคำ(คนดูลาเเลา) ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ (คนชี้เป้า) ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่า พระบัณฑิต สุปันโต หรือ พระหมอ นอกจากนี้ยังได้ควบคุมนายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ ผู้จ้างวานฆ่า โดยนำตัวมาจากสนามบินนานาชาติจังหวัดอุดรธานี ทั้งนี้ตัวนายบรรเจิด ไม่ได้มานั่งแถลงข่าวด้วยแต่อย่างไรเนื่องจากไม่สมัครใจ พล.ต.อ.สมยศ กล่วว่า นายบุญนาค หงษาคำ และ ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ทั้งคู่เป็นผู้ต้องหาร่วมกันฆ่า พระบัณฑิต สุปันโต หรือ พระหมอ ส่วน นายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ เป็นผู้หาจ้างวานฆ่า ซึ่งวันนี้ตัวนายบรรเจิด ไม่สมัครใจมาแถลงข่าว ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ และยังไม่ได้ให้การใด ๆ โดยขณะนี้ได้โอนสำนวนคดีทั้งหมดไปให้ทางกองบังคับการปราบปรามทำการสอบสวน ทั้งนี้ก็เพื่อความโปร่งใส และเพื่อตอบสังคมว่าทางเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา
ด.ต.ชาญชัย ให้การรับสารภาพว่า ตนได้รับเงินค่าจ้างในการลงมือสังหารจากนายบรรเจิด ในครั้งนี้จำนวน 300,000 บาท โดยได้ติดต่อเพื่อนที่รู้จักกันคือ นายปัญจ๋า หรือโบ้ ชารีแสน ให้ทำหน้าที่เป็นมือปืน ซึ่งในครั้งแรกได้ให้เงินนายปัญจ๋าไป 50,000 บาท เพื่อนำไปซื้ออาวุธปืนมาสังหาร และได้สั่งให้ไปยิงพรบัณฑิต และหลังจากเสร็จเงินจ่ายให้อีก 110,000 บาท ส่วนนายบุญนาคให้ทำหน้าที่ดูลาดเลาหาเส้นทางหลบหนี โดยให้ค่าจ้างจำนวน 55,000 บาท ทั้งนี้ตนไม่เคยรู้จักกับนายบรรเจิด เป็นการส่วนตัวมาก่อน แต่เพิ่งจะมาคุยกันหลังจากที่ผู้บังคับบัญชาคือ พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง อดีต ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ได้สั่งให้ตนเป็นเฝ้าดูพฤติกรรมของหมอแก้ว ต่อมาก็ได้มีการพูดคุบกับนายบรรเจิด เรื่อยมาในระหว่างที่เฝ้าดูพฤติกรรมหมอแก้ว ซึ่งนายบรรเจิดได้สั่งให้ตนคอยดูหมอแก้ว ว่าจะมีพฤติกรรมในทางชู้สาวกับพระสุปันโตหรือไหม แต่ตลอดระยะเวลา 1 เดือน ตนไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างไร นอกจากนี้ในการพูดคุบกับนายบรรเจิด จะบอกกับตนว่า พระสุปันโต เป็นพระที่ มั่วสีกา อมเงินสงฆ์ และต่อมา ก็ได้มีการจ้างวานฆ่าเกิดขึ้น โดยเหตุผลที่ตนรับงานนี้เพราะอยากได้เงินเท่านั้นเอง
ด.ต.ชาญชัย กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องการจ้างวานฆ่านั้น ตัวพล.ต.ต.บุญลือ ไม่น่าจะมีส่วนรู้เห็นแต่อย่างใด และตนไม่ได้แจ้งให้พล.ต.ต.บุญลือ ทราบว่า นายบรรเจิด จ้างวานให้ตนลงมือฆ่าพระสุปันโต เนื่องจากในขณะนั้น ตนคิดไม่ออกที่จะทำอย่างไร และอยากได้เงินค่าจ้างในการลงมือ และสุดท้ายนี้ตนอยากจะขอโทษทางผู้บังคับบัญชาทุกท่านๆ ที่ตนได้ทำผิดพลาดไป และรู้สึกสำนึกผิดในการลงมือสังหารในครั้งนี้
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า ในคดีนี้ทางเจ้าหน้าที่มีความภูมิใจที่สามารถคลี่คลายได้ โดยในคดีนี้มีหลักฐานอะไรที่มากกว่าคำซัดถอดและคำให้การของผู้ต้องหา มิฉะนั้นจะไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะให้ศาลออกหมายจับได้ ซึ่งยังมีหลักฐานอื่น ๆ อีกที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ก่อนที่จะนำมาสู่การจับกุมเราได้มีการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานอื่น ๆ ที่มาสนับสนุนและมีความเกี่ยวข้องจริง ส่วนทางด้านพล.ต.ต.บุญลือ ก็ได้มีการเรียกมาพูดคุยแล้ว โดยได้ให้การว่า รู้จักกับนายบรรเจิด ในฐานะที่เป็นผู้กว้างขวางในจังหวัด และทางนายบรรเจิดได้มาขอร้องให้ตนช่วยส่งลูกน้องไปติดตามพฤติกรรมของหมอแก้ว จึงได้สั่งให้ด.ต.ชาญชัย ไปเฝ้าดูให้เท่านั้น แต่ต่อมาทางนายบรรเจิดได้ติดต่อกับตนเรื่องความคืบหน้าของหมอแก้ว จึงเกิดความรำคาญและได้ให้ทางนายบรรเจิด ไปพูดคุยกับด.ต.ชาญชัย โดยตรงเอาเอง นอกจากนี้ทางพล.ต.ต.บุญลือ ก็ยังบอกด้วยว่า พร้อมที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมอย่างเต็มใจ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ไป ถ้าหากพยานหลักฐานโยงไปถึงใคร ทางเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการโดยไม่ได้ให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด แม้ว่าบุคคลนั้นจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในส่วนการโยกย้ายพล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผบก.จ.อุดรธานี และ พล.ต.ต.บุญลือ นั้น ก็เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และความสบายใจของสังคม ที่คิดว่าคดีนี้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ นอกจานี้คิดว่า นายตำรวจทั้งสองคนนี้ จะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์เนื่องจากทั้งคู่เป็นผู้กว้างขวาง ทั้งนี้ทั้งสองท่าน ก็มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคดีนี้เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี ปมสังหารนั้นครั้งนี้จากคำให้การให้การของผู้ต้องหา น่าจะเกิดจากปมชู้สาว