ชาวเยอรมัน ใช้ถุงดำคลุมหัวฆ่าตัวตาย เครียดปมธุรกิจล่ม

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 4 มีนาคม 2558 ร.ต.ท.ชล ยิ้งแม่นวาด พนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ได้รับแจ้งเหตุพบศพชายชาวต่างชาติ ใช้ถุงคลุมศีรษะฆ่าตัวเสียชีวิตภายในบ้านเลขทึ่ 84 หมู่บ้านไชโยนคร ซอยสังคมสงเคราะห์ 12 ลาดพร้าว 71 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัย เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์ นิติเวชวิทยาฯ รพ.ตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ สูง 3 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 28 ตร.วา มีรั้วรอบขอบชิด บริเวณห้องนอน ชั้น 2 ของตัวบ้านกบศพ นายเฮลเม็ด หรือโจ อัลเฟรด (Helmut Alfred Breidenaged) อายุ 43 ปี ชาวเยอรมัน สภาพศพนอนหงายอยู่บนที่นอน สวมเสื้อยืดคอปกสีแสดคาดดำ นุ่งกางเกงสามส่วนสีดำ โดยที่ศีรษะมีถุงพลาสติกสีดำคลุม พร้อมทั้งมีสก็อตเทปพันโดยรอบลำคออีกที ตรวจสอบโดยรอบไม่มีร่องรอยการรื้อค้นแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังพบกระดาษจดหมายเขียนข้อความลาตายมีเนื้อหาใจความ "Som I Love You and the kids you are the best in my Life I m sorry Joe" ซึ่งจับใจความได้ว่าบอกรักภรรยาและลูกทั้งสอง โดยคุณเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในชีวิตผม ลงชื่อ โจ " วางไว้ที่ตู้กระจกสำหรับวางเครื่องสำอางค์ เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งชันสูตร ที่ รพ.ตำรวจ

จากการสอบสวน นส.กรรญกร หรือส้ม ฮวดบำรุง อายุ 21 ปี ภรรยาผู้ตาย ให้การทั้งน้ำตา ว่า ตนคบหาสามีมากว่า 4 ปี โดยตนมีลูกติดจากสามีเก่า 2 คน จนกระทั่งมาพบรักกับผู้ตาย ที่มีอาชีพเป็นโปรแกรมเมอร์ โดยก่อนหน้าที่จะมาคบกับตน สามีมีฐานะดีมาก ได้ร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดบริษัทเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์ในประเทศเยอรมัน โดยสามีได้มีภรรยาและลูกที่เป็นคนไทยอยู่ก่อนแล้ว และมีการส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้นับแสนบาทต่อเดือน ต่อมาได้เลิกรากันแล้วมาคบกับตน โดยสามีได้ส่งเสียเลี้ยงดูลูกของตนทั้ง 2 คน เป็นอย่างดี อีกทั้งยังดูแลให้ค่าใช้จ่ายกับครอบครัวของตน และส่งเสียให้น้องของตนได้เรียนหนังสืออีกสองคนด้วย

เมื่อกลางปีที่แล้วสามีประสบอุบัติเหตุรถจยย.พลิกคว่ำ ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวไปเป็นจำนวนมาก ประกอบกับได้มีปัญหาภายในบริษัท ทำให้ได้เงินส่วนแบ่งมาไม่มากเหมือนเดิม และทราบว่าแม่สามีที่อยู่ประเทศเยอรมันก็ล้มป่วยลง และต้องการให้สามีของตนกลับไปที่ประเทศเยอรมัน แต่สามียืนยันว่ารักเมืองไทยและอยากอยู่กับตนกับลูก โดยจะไม่ไปไหน ต่อมาตอนหลังสามีกลัวเงินไม่พอใช้ เพราะขาดรายได้จากบริษัทไปเป็นจำนวนมาก และมีค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูครอบครัวจำนวนมาก จึงทำให้เกิดความเครียด ซึ่งตนก็คอยให้กำลังใจตลอด และบอกว่าไม่เป็นไร โดยจะช่วยกันหาทางแก้ไข แต่ไม่คาดคิดว่าสามีด่วนตัดสินใจคิดสั้นฆ่าตัวตายเร็วแบบนี้ อีกทั้งเมื่อคืนก่อนเกิดเหตุสามีตนหยิบเงิน 200 บาท ซึ่งเป็นเงินก้อนสุดท้ายของบ้านบอกให้ไปใช้เป็นเงินทำบุญเนื่องในวันมาฆบูชา ตอนเช้าวันนี้ เพราะตนมีนัดกับพ่อว่าจะไปทำบุญที่วัด เสมือนเป็นการทำบุญครั้งสึดท้ายของสามี น.ส.กรรญกร กล่าวว่าทั้งน้ำตา

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าผู้ตายเครียดเรื่องธุรกิจและค่าใช้จ่ายภายในบ้าน รวมทั้งโรคประจำตัวทำให้คิดสั้นฆ่าตัวตายดังกล่าว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ต้องทำการสอบปากคำญาติผู้เสียชีวิตอีกครั้ง รวมทั้งรอผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง หลังจากนี้จะมีการประสานทางสถานทูตเพื่อติดต่อญาติผู้เสียชีวิตมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป