svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

คุก 2 ปี 6 เดือน นศ.ขอนแก่นเล่นละครเวทีหมิ่นเบื้องสูง

23 กุมภาพันธ์ 2558
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 11.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.3526/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม อายุ 24 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และน.ส.ภรณ์ทิพย์ มั่นคง หรือกอล์ฟ ประกายไฟ อายุ 27 ปี นักเคลื่อนไหวทางสังคมและอดีตผู้ประสานงานกลุ่มประกายไฟการละคร จำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐาน ร่วมกันดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112คดีนี้อัยการโจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง2 เมื่อวันที่ 24 ต.ค.57 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 13 ต.ค.56 เวลากลางวัน จำเลยกับพวก ร่วมกันแสดงละครเวทีเรื่อง เจ้าสาวหมาป่า ในงานรำลึก 40 ปี 14 ตุลาฯ ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งมีบทละครที่มีข้อความเป็นการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ฯ ทำให้ผู้ได้รับฟังเข้าใจความหมายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ อันเป็นการหลบลู่ ดูหมิ่นแสดงความอาฆาตมาดร้าย เหตุเกิดที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม. จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพโดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้เบิกตัวจำเลยทั้งสอง มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และทัณฑสถานหญิงกลางบางเขน เพื่อฟังคำพิพากษา โดยมีญาติ รวมทั้งเพื่อนๆ นักศึกษาและกลุ่มประกายไฟ ฯ มาให้กำลังใจจำเลยทั้งสอง จนเต็มห้องพิจารณาคดี ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานประกอบคำรับสารภาพแล้ว เห็นว่า จำเลยทั้งสอง กระทำผิด ตาม ม. 112 ให้จำคุกคนละ 5 ปี ซึ่งจำเลยรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จึงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 2 ปี 6 เดือน ทั้งนี้เมื่อสืบเสาะพฤติการณ์แล้วแม้จำเลยจะไม่เคยกระทำผิดมาก่อน แต่การกระทำของจำเลย ที่หอประชุม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นการแสดงละครดูหมิ่นจาบจ้วงต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก อีกทั้งมีการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ สร้างความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพของปวงชนชาวไทย ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ร้ายแรง ดังนั้นไม่มีเหตุให้รอการลงโทษภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว ญาติต่างร่ำไห้ และได้เข้าสวมกอดให้กำลังใจจำเลย ขณะที่กลุ่มเพื่อนจำเลย ได้จับมือให้กำลังใจจำเลยเช่นกัน ส่วนจำเลยทั้งสอง ไม่ได้แสดงสีหน้าเคร่งเครียดโดยยอมรับคำพิพากษา ซึ่งนายปติวัฒน์ จำเลยที่ 1 เปิดเผยเพียงสั้นๆ ว่า ไม่ขออุทธรณ์คดีต่อ ด้านน.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า คาดว่าจะไม่มีการยื่นอุทธรณ์ เนื่องจากเป็นความต้องการของจำเลยเอง ขณะที่ก่อนหน้านี้ตนได้เคยพูดคุยกับ พ่อ-แม่จำเลยทั้งสองแล้วว่า หากรับสารภาพจะเป็นประโยชน์อย่างไรบ้าง ซึ่งจำเลยทั้งสองก็เห็นควรจึงรับสารภาพเพื่อให้คดีจบอย่างรวดเร็วน.ส.ภาวิณี กล่าวอีกว่า ส่วนโทษที่ศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี โดยลดเหลือ 2 ปี 6 เดือนนั้น ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่คาดการณ์ไว้แต่แรกแล้ว ดังนั้นจึงค่อนข้างพอใจคำพิพากษา หลังจากนี้ต้องดูว่าอัยการจะยื่นอุทธรณ์เพิ่มโทษจำเลยหรือไม่ ซึ่งการอุทธรณ์จะมีเวลา 1 เดือน ส่วนการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษนั้น ตามขั้นตอนจะต้องจำคุกแล้วระยะเวลาหนึ่ง จึงจะยื่นเรื่องได้ ขณะที่หากนับเวลาที่จำเลยทั้งสอง จำคุกมาจนถึงเวลานี้ก็ประมาณ 7 เดือน โดยระหว่างการพิจารณาคดีได้ยื่นประกันจำเลยทั้ง 2 มาแล้ว 5 ครั้ง แต่ก็ศาลก็ไม่ได้อนุญาต ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเสร็จสิ้นการฟังคำพิพากษาแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้นำตัว จำเลยทั้งสอง กลับไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และทัณฑสถานหญิงกลาง ขณะที่เพื่อนๆ ได้ยืนร้องเพลง ส่งให้กำลังใจจำเลย กระทั่งรถของราชทัณฑ์ได้เคลื่อนออกไป จากศาลอาญา

logoline