ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ จ.55/2558 ลงวันที่ 27 ม.ค.2558 ข้อหา ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ,ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ,หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
พร้อมตรวจยึดรถยนต์กระบะยี่ห้อเชฟโรเลต สีเทา ทะเบียน ฒม 4889 กรุงเทพมหานคร ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ที่ลานจอดรถ พรหมธาราวงศ์ แมนชั่น เลขที่ 1,3 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. เมื่อเวลาประมาณ 07.45 น. วันที่ 30 ม.ค.
ภายหลังการจับกุมตามหมายจับดังกล่าวเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นหาหลักฐานที่ห้องพัก พบของกลางที่เกี่ยวข้องกับการปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก ประกอบด้วยเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร.ต.อ. มีเหรียญตราสัญลักษณ์นักเรียนนายร้อยตำรวจติดเครื่องแบบอย่างแนบเนียน เสื้อยืดซึ่งเป็นเสื้อลำรองมีตราโล่ห์ของตำรวจ 3 ตัว หมวกตำรวจแบบต่างๆ 4 ใบ กุญแจมือ 2 อัน วิทยุสื่อสารเครื่องดำที่ใช้ในหน่วยงานราชการ 2 เครื่อง ไฟฉาย 3 อัน เสื้อเกราะกันกระสุนมีตัวอักษรภาษาอังกฤษว่าโปลิศ 1 ตัว กล้องส่องทางไกล 1 อัน ปืนปลอมลักษณะปื่นพกสั้นซึ่งเป็นปืนบีบีกัน 4 กระบอก เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. และขนาด .32 มม. รวมกว่า 100 นัด อาวุธมีดทั้งแบบมีดสปาต้าและมีดพับรวม 5 เล่ม และหนังสือประมวลกฎหมายอาญา 1 เล่ม
สอบสวนนายนัฐพล เบื้องต้นให้การรับสารภาพตามหมายจับ พร้อมอ้างเพิ่งก่อเหตุเป็นครั้งแรก ส่วนเครื่องแบบและอุปกรณ์ในการแต่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นได้หาซื้อที่ร้านค้าขายอุปกรณ์ต่างๆในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ และเรียนรู้การติดยศ ติดตราสัญลักษณ์ที่เครื่องแบบตามอินเทอร์เน็ต สังเกตุจากรูปภาพการแต่งกายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนชุดตำรวจนั้นได้สั่งตัดเอง ยังไม่เคยแต่งเครื่องแบบตำรวจไปรีดไถ หรือขู่กรรโชกเอาทรัพย์สินจากใคร ที่แต่งเพราะความชื่นชอบอยากเป็นตำรวจ โดยตัวเองมีอาชีพเป็นลูกจ้างที่โรงงาน ย่านซอยลาซาล และที่ลงมือก่อเหตุ เพราะไม่พอใจคนงานพม่า ที่ทำงานอยู่ด้วยกัน เนื่องจากมักฟ้องหัวหน้าว่าตัวเองขี้เกียจ ชอบทำงานเอาเปรียบ จึงอยากจะแก้แค้นสั่งสอน ก่อนไปชักชวนกลุ่มคนที่ตนรู้จัก แล้วอ้างตัวเองว่าเป็นตำรวจ ขอแรงไปจับกุมคนร้ายทำความผิดเป็นแรงงานต่างด้าว
พ.ต.ต.อภิโชค อธิบายถึงพฤติการณ์ของคดีนี้ว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.00น. วันที่ 2 ม.ค. ที่ผ่านมา ทางนายนัฐพลกับพวกรวม 5 คน ร่วมกันพาตัวนาย วิน รวย อู สัญชาติพม่า อายุ 19 ปี ขึ้นรถยนต์กระบะของกลางที่ใช้ก่อเหตุ บริเวณปากซอยลาซาล 85 แขวงและเขตบางนา
โดยนายนัฐพลเป็นผู้ชี้เป้าและเป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว ก่อนจะพาไปที่บริเวณท้ายซอยลาซาล 54 จากนั้นร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายและนำทรัพย์สินของผู้เสียหายไปเป็นเงินสดจำนวน 10,000 บาท และโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง ก่อนที่จะทิ้งผู้เสียหายไว้บริเวณดังกล่าว ซึ่งผู้เสียหายจดจำได้ว่าในจำนวนคนที่พาตัวไปนั้นมีนายนัฐพล จึงได้เดินทางมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางนา ก่อนจะมีการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดพระโขนงออกหมาย จับ
พ.ต.ต.อภิโชค กล่าวอีกว่า ภายหลังได้หมายจับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนก็ลงพื้นที่เพื่อสืบหาข้อมูงตามจับกุมมาดำเนินคดี กระทั่งทราบว่าผู้ต้องหามาพักอาศัยอยู่ที่พรหมธาราวงศ์ แมนชั่น เลขที่ 1,3 ถนนศรีนครินทร์ จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนเฝ้าสังเกตุการณ์ กระทั่งพบรถยนต์กระบะเชฟโรเลต ที่ใช้ก่อเหตุ จอดอยู่ที่ลานจอดรถในช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. เจ้าหน้าที่ก็เฝ้ารอจนเวลาประมาณ 07.45 น.
ผู้ต้องหาได้ลงมาจากห้องพักเดินมาที่รถเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมพร้อมกับแสดงหมายจับ โดยจากการตรวจค้นหลักฐานเพิ่มเติมที่ห้องพักก็พบเครื่องแบบและยุทโธปกรณ์ของตำรวจครบหมด ซึ่งเป็นของปลอม จึงควบคุมตัวมาดำเนินคดีในข้อหาปล้นทรัพย์ที่เกิดขึ้นในท้องที่ สน.บางนา ส่วนหลักฐานที่พบเพิ่มเติมทั้งสิ่งเทียมอาวุธปืน เครื่องแบบและยุทโธปกรณ์ต่างๆของตำรวจที่เป็นของปลอมก็ทำบันทึกส่งให้ พนักงานสอบสวน สน.ประเวศดำเนินการต่อ
รายงานข่าวจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ทราบว่า นายนัฐพล มักจะแอบอ้างเป็นตำรวจ โดยทำมานาน อ้างว่าเป็น นรต.รุ่นที่ 61 อ้างเรื่อยมาตั้งแต่เป็นยศผู้หมวด ผู้กอง และล่าสุดเป็นสารวัตร โดยจะบอกว่าเป็นสารวัตรพล ทำงานด้านสืบสวน ของตำรวจภูธรภาค 1 สังกัด สภ.แห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ พฤติกรรมก่อนหน้าก็มักอ้างเป็น สวป. เข้าไปตรวจสถานบันเทิง แต่มีการเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่นั้นต้องตรวจสอบอย่างละเอียดเนื่องจากยังไม่มีผู้เสียหายมายืนยัน
ส่วนสาเหตุที่อ้างตัวเป็นตำรวจเนื่องจากเคยเป็นผู้ช่วยเจ้าหนักงาน ขับรถให้รอง สวป.คนหนึ่ง ในจ.สมุทรปราการ เวลาออกตรวจกจะถูกใช้ไปถ่ายรูป ช่วยเขียนประวัติผู้ต้องหาที่ถูกตรวจค้นจับกุม ทำให้นายนัฐพลมีความรู้แล้วเก็บมาทำตามเสียเอง ขระเดียวกันก็แต่งเครื่องแบบตำรวจถ่ายรูปโชว์ลงเฟซบุ๊ค และยังอ้างกับสถานบันเทิงแห่งหนึ่งว่าที่หายหน้าไปก่อนหน้านี้เพราะติดธุระเรื่องวิ่งเต้นตำแหน่งอยู่
ด้านพ.ต.อ.ดร.ภาดล กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะนอกจากจะยับยั้งไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการแอบอ้างเป็นตำรวจแล้วมาก่อเหตุอาชญากรรมแบบนี้แล้ว ยังปกป้องเกียรติยศชื่อเสียงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากการกระทำของผู้ต้องหาสร้างความเสื่อมเสียให้กับวงการตำรวจ ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิด อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา
ซึ่งจะต้องทำการสืบสวนขยายผลต่อไปว่ามีเหยื่อที่ผู้ต้องหารายนี้ไปก่อเหตุไว้ที่ไหนบ้าง หากประชาชนมีข้อสงสัย หรือเคยถูกคนร้ายที่มีพฤติกรรมอ้างตัวเป็นตำรวจก่อเหตุกรรโชกทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์ก็สามารถมาติดต่อเพื่อดูใบหน้า หรือดูรูปผู้ต้องหาได้ ที่สน.บางนา ซึ่งจะได้ดำเนินการเขาผิดเพิ่มเติมเป็นเหตุที่ต่างกรรมต่างวาระต่อไป ในส่วนของผู้ต้องหาแต่งกายลอกเลียนแบบเจ้าพนักงานนั้นก็มอบหมายให้ทางพนักงานสอบสวน สน.ประเวศดำเนินการ เบื้องต้นยังไม่มีข้อมูลว่าผู้ต้องหาได้แต่งเครื่องแบบเป็นตำรวจไปตบทรัพย์หรือรีดไถ แต่เชื่อว่าน่าจะมีการก่อเหตุ เพราะทางการสืบสวนทราบว่ามีพฤติกรรมแอบอ้างมานาน ตั้งแต่อ้างเป็นผู้หมวดจนทุกวันนี้อ้างเป็นระดับสารวัตรแล้ว