ทำแผนยิงแม่ค้าบะหมี่ ญาติโวย ตร.สลับมือยิง

เมื่อเวลา 15.30 น. วันนี้ (29 ม.ค.58) พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล ผกก.สภ.นครชัยศรี จว.นครปฐม พ.ต.ท.ไชยศ มุกดาหาญ รอง ผกก.ป.พ.ต.ท.สมพงษ์ เสนางาม สวป.นำกำลังตำรวจทั้งสายตรวจและฝ่ายสืบสวนพร้อมด้วย หน่วยปฎิบัติการพิเศษ อินทรี 7จำนวนกว่า 50 นาย กันพื้นที่บริเวณที่เกิดเหตุยิงนางกรณัฐ หน้าร้านขายบะหมี่ ท่ามกลางประชาชนที่แห่กันมามุงดูการทำแผนจำนวนกว่า 500 คน
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกันพื้นที่และไทยมุงออกห่างแล้วจึงได้นำตัวนายธนวัฒน์ แก้วงาม หรืออ้วน และนายยุทธนา สมบูรณ์ หรือเอ็ม ผู้ต้องหาทั้งสองคนลงจากรถมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งในการทำแผนครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายธนวัฒน์ แก้วงงาม ผู้ซ้อนท้ายจักรยานยนต์กับนายยุทธนา สมบูรณ์ ผู้ขับขี่ รถจักรยานยนต์ในขณะก่อเหตุ โดยให้นายธนวัฒน์ ทำท่านั่งซ้อนท้ายแล้วใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตาย โดยมีนายยุทธนาร เป็นผู้ขับขี่ และชี้เส้นทางหลบหนี ก่อนจะนำตัวขึ้นรถกลับไป ขณะเดียวกันขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำแผนอยู่นั้น บรรดาญาติผู้ตายที่มามุงดูได้ตะโกนด่าตำรวจว่าทำแผนผิดตัว โดยมีการสลับตัวผู้ยิงกับผู้ขับขี่ จนเกิดความโกลาหลจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง
ญาติของผู้ตายรายหนึ่ง บอกว่า การทำแผนของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีความยุติธรรม เพราะมีหลายคนเห็นในช่วงเกิดเหตุว่า ผู้ที่ลงมือยิงจริงๆคือนายยุทธนา หรือเอ็ม สมบูรณ์ ไม่ใช่นายธนวัฒน์ หรืออ้วน แก้วงงาม ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งตนกับญาติพี่น้องจะไม่ยอมเด็ดขาดหากมีการสลับตัวผู้ต้องหาแบบนี้
นอกจากนี้ ล่าสุด ได้มีคำสั่งฟ้าผ่าจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เซ็นคำสั่งย้าย พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล ผกก.สภ.นครชัยศรี เข้าช่วยราชการ ศปก.ภ.7 หลังปล่อยปละละเลยให้เกิดคดีอุกฉกรรจ์อย่างต่อเนื่อง
พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการวางมาตรการในการปราบปรามกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่จังหวัดนครปฐมอย่างเด็ดขาด จึงขอฝากผู้ปกครองช่วยดูแลบุตรหลานของตัวเองให้ดี อย่าปล่อยให้ออกจากบ้านมาจับกลุ่มและสร้างปัญหาให้กับผู้อื่น ถ้าเกิดพบว่ามีการก่อเหตุในลักษณะนี้หรือมีการใช้อาวุธปืน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้มาตรการเด็ดขาดในการจับกุม เพื่อรักษาความสงบให้กับสังคมและส่วนรวม
ส่วนการสั่งย้ายผู้กำกับ สภ.นครชัยศรี ตนมองว่าเป็นเรื่องปกติและมีความเป็นธรรม เนื่องจากเมื่อเกิดเหตุอุกฉกรรจ์ในพื้นที่ ก็ต้องมีผู้รับผอิดชอบและต้องมาตรวจสอบกันว่า ในการปฎิบัติหน้าที่นั้นมีความเข้มแข็งพอหรือไม่ หรือว่าหย่อนยานในการปฎิบัติหน้าที่ และต้องตรวจสอบอีกว่ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใครจะต้องมีส่วนรับผิดชอบบ้าง