โดยเจ้าหน้าที่แบ่งกำลังเข้าตรวจสอบพร้อมกันทั้ง 2 จุด 5 ร้าน จุดแรก เข้าตรวจสอบในซอยกิจขยัน ได้เข้าควบคุมตัวเด็กสาวจาก สปป.ลาว ที่นั่งขายบริการอยู่ในร้าน ทั้งสองแห่ง เมื่อพบเจ้าหน้าที่เจ้าของร้าน ผู้ดูแล และหญิงขายบริการได้วิ่งหลบหนี บางส่วนวิ่งเข้าไปในร้าน ซึ่งภายในแบ่งเป็นห้องใช้สำหรับค้าประเวณี เจ้าหน้าที่ตามเข้าไปจับกุม โดยร้านที่ 1 สามารถจับกุมหญิงชาวลาวได้ 13 คน ร้านที่ 2 สามารถจับหญิงชาวลาวได้ 11 คน คนดูแลร้าน 1 คน ระบุว่า "นางติ๊บ" ไม่ยอมให้การขอให้การชั้นศาล ส่วนเจ้าของร้านและผู้ดูแลอื่นหลบหนีไปได้
จุดที่ 2 เจ้าหน้าที่ได้ปิดอดุลยเดช 2 กระจายกำลังเข้าตรวจค้นร้านที่ 1 สามารถจับกุมหญิงชาวลาวได้ 2 คน และร้านที่ 4 จับหญิงชาวลาวได้ 6 คน จากปฏิบัติการสามารถจับกุมสาวลาวได้รวม 32 คน มี 2 คน ยอมรับว่าอายุ 15 ปี และ 16 ปี ส่วนที่เหลืออ้างว่าอายุเกิน 20 ปีแล้ว และผู้ดูแล 1 คน ซึ่งขณะจับกุมเจ้าหน้าที่ได้สอบถามหญิงสาว ให้การรับสารภาพว่า สมัครใจมาเองไม่ได้มีการบังคับ โดยจ่ายส่วยเหมาคนละ 2,700 บาทต่อเดือน โดยจับกุมเจ้าของและผู้ดูแลไม่ได้
เจ้าหน้าที่ได้นำสาวชาวลาวทั้ง 32 คน และผู้ดูแลอีก 1 คน มาสอบสวนที่ห้องประชุมทองใหญ่ ศาลากลาง จ.อุดรธานี โดยมีพนักงานสอบสวนจากรมการปกครอง และนักสังคมสงเคราะห์ จ.อุดรธานี มาสอบสวนคัดกรองเหยื่อ โดยมีการนำหลักฐานมาประกอบ อาทิ พาสปอร์ต , บอร์เดอพาส , ใบตรวจโรคของสถานพยาบาลรัฐใน จ.อุดรธานี ถุงยางอนามัยมียี่ห้อ และของทางราชการ(ฟรี) , สารหล่อลื่นหลายกลิ่น และยังพบยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศสำหรับหญิง
นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผวจ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี ได้รับการร้องเรียน การค้ามนุษย์ข้ามชาติ ส่งหญิงต่างด้าวไปค้าประเวณีในกรุงเทพมหานคร และ มีการลักลอบค้าประเวณีสาวลาวแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอุดรธานี ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของจังหวัด จึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ปราบปรามการค้ามนุษย์กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ออกไปสืบสวน พบว่ามีการลักลอบค้าประเวณีจำนวน 6 ร้าน จึงได้ประชุมวางแผนร่วมกันเข้าจับกุม ซึ่งพบว่าปิดไป 2 ร้าน เหลือ 4 ร้าน สามารถจับกุมสาวลาวได้ 32 คน ในนั้นมีอายุต่ำกว่า 18 ปี 2 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบอายุ เพราะจะเข้าข่ายการค้ามนุษย์
สถานการค้าประเวณีทั้ง 4 แห่งดังกล่าว ถือเป็นสถานที่ผิดกฎหมาย และขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน สำหรับหญิงสาวชาวลาวที่ถูกนำพามาเพื่อค้าประเพณี ก็เป็นกลุ่มบุคคลที่เสี่ยงต่อการถูกนำมาค้ามนุษย์ ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี จะอาศัยอำนาจตามประกาศคณะปฎิวัติ ฉบับที่ 50 สั่งปิดสถานที่ทั้ง 4 แห่งต่อไป ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการตามนโยบายของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และแผนงานการขับเคลื่อนนโยบายการป้องกันและการค้ามนุษย์ ของกระทรวงมหาดไทย เพื่อแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในประเทศไทยให้เกิดผลสำเร็จโดยเร็ว
นายนพวัชรฯ กล่าวอีกว่า ยังมีอีกหลายร้านที่เปิดบริการเช่นนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสืบสวนเพื่อดำเนินการจับกุมให้หมด และในส่วนของจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐ เข้าไปเกี่ยข้องหรือไม่นั้น คงต้องมีการสอบสวนในทางลับ เพื่อตรวจสอบดูว่า จะมีใครเกี่ยวข้องบ้างหรือไม่