ตร.เร่งแกะรอยเสื้อ ตัวอักษร "ประเสริฐ"

พลตำรวจเอกวรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่เกิดเหตุที่บ้านหลังหนึ่งในตำบลตากฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม หลังคนร้ายข่มขืนหญิงวัย 73 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายรายล่าสุด เพื่อตรวจสอบจุดเกิดเหตุอีกครั้งพร้อมสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกชายผู้เสียหาย ซึ่งเขายืนยันว่า คนร้ายต้องมาดูลาดเลาก่อนจะลงมือก่อเหตุอย่างแน่นอน เพราะรู้ว่าในคืนเกิดเหตุมารดาอยู่เพียงลำพัง
นอกจากนี้ลูกชายของผู้เสียหายยังได้ชี้จุดต่างๆ ที่คนร้ายเข้ามาก่อเหตุ เพื่อนำไปเป็นข้อมูลวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมของคนร้ายเทียบเคียงกับคดีที่ผ่านมา(ตำรวจสันนิฐานว่าคนร้ายน่าจะลัดเลาะเข้ามาทางด้านข้างตรงจุดนี้ โดยไม่ใส่รองเท้า ก่อนจะเข้ามาในบ้านแล้วใช้มีดงัดหน้าต่างเข้ามาก่อเหตุข่มขืน ก่อนจะหลบหนีออกไปทางเดิม)
ขณะเดียวกันวันนี้ตำรวจได้ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว พร้อมวิเคราะห์วัตถุพยานที่พบในที่เกิดเหตุและทรัพย์สินที่คนร้ายนำไป โดยขณะนี้ชุดสืบสวนได้แบ่งหน้าที่กันติดตามกันในแต่ละส่วน พร้อมทั้งหาวัตถุพยานเพิ่มจากลักษณะเสื้อที่คนร้ายใส่ในวันก่อเหตุกับผู้เสียหายรายที่ 9 เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม2557 ซึ่งเป็นเสื้อยืดแขนยาว สีน้ำเงินเข้ม หน้าอกด้านซ้ายสกรีน คำว่า" ประเสริฐ" และใต้คำว่า "ประเสริฐ" มีตัวอักษรเล็กอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นเสื้อที่ผู้ประกอบการร้านเครื่องมือเกษตร แจกให้กับลูกค้าหรือพนักงานในร้าน
นอกจากนี้พลตำรวจเอกวรพงษ์ ยังได้มอบหมายใหัทางกองปราบปรามตรวจสอบกรณีมีคนแปลกหน้าเข้ามาในพื้นที่ก่อนวันเกิดเหตุ 1 วัน เพราะมีพยานคนหนึ่งยืนยันว่า เห็นชายแปลกหน้าปั่นรถจักรยานคันสีแดงเข้ามาในพื้นที่ ขณะเดียวกันได้นำตัวผู้ต้องสงสัยจำนวน 4 คน มาตรวจDNA แล้ว ผลปรากฎว่าไม่ตรงกับDNA ของคนร้ายแต่อย่างใด
ขณะที่พลตำรวจโทประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงผลการตรวจสอบสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอในคดีข่มขืนหญิงสูงอายุในพื้นที่อำเภอนครไชยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งถือเป็นรายที่ 10 ว่า ดีเอ็นเอที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุของคนร้าย ตรงกับดีเอ็นเอของผู้ก่อเหตุคดีข่มขืนต่อเนื่องหญิงสูงอายุทั้ง 9 คดีก่อนหน้านี้ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม สมุทรสาคร และนครปฐม จึงยืนยันได้ว่าผู้ต้องหาคนนี้เป็นคนเดียวกับที่ก่อคดีมาแล้วทั้งหมด 10 คดี
นอกจากนี้โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังระบุด้วยว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประกาศตั้งรางวัลนำจับ จำนวน 200,000 บาท แก่ผู้ที่แจ้งเบาะแสจนสามารถจับกุมคนร้ายรายนี้ได้  โดยเป็นเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากพลเมืองดีที่อยากช่วยเหลืองานตำรวจ หากผู้ใดพบเบาะแสคนร้ายสามารถแจ้งผ่านสายด่วนโทร. 191 หรือโทร 1599 ได้ตลอด24 ชั่วโมง