"จรัมพร" ลงพื้นที่พุทธมณฑล ตรวจคดีฆาตกรต่อเนื่องข่มขืน/ฆ่า 9 ราย

เมื่อเวลา 14.45. น.วันนี้(24ม.ค.) พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษาผบ.ตร ได้เดินทางมายังสภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐมเพื่อดูความคืบหน้าในคดีที่มีคนร้ายเข้าไปทำร้ายร่างกายและพยายามข่มขืนหญิงสาววัยกลางคน ขณะที่อยู่บ้านกับหญิงสูงอายุผู้เป็นแม่เพียงลำพัง เหตุเกิดเมื่อวันที่25 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งจากตรวจภายในที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบอสุจิ ของคนร้ายอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ แต่จากการตรวจของแพทย์ยืนยันว่าไม่พบร่องรอยการข่มขืนแต่อย่างใด มีเพียงแต่บาดแผลและรอยฟกช้ำตามร่างกายที่ถูกคนร้ายทำร้ายเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงเก็บเอา อสุจิไปตรวจหา DNAพบว่า ตรงกับDNA ของคนร้ายที่ก่อเหตุ ข่มขืน ฆ่า และทำร้ายร่างกายมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร, จ.สมุทรสงคราม,นครปฐม รวม 9 คดี

พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี กล่าวว่า ขณะนี้ทางจนท.ตำรวจ ก็พยายามรวบรวมพยานหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะการพิสูจน์ทราบจากการตรวจหา DNA ในคราบเลือด อสุจิ และพยานบุคคล ที่จะสามารถเชื่อมโยงไปยังตัวคนร้ายได้ และจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุในแต่ละพื้นที่ ที่คนร้ายเข้าไปก่อเหตุ พบว่าคนร้ายจะหาโอกาสเหมาะๆ โดยจะมีการเข้าไปสำรวจพื้นที่ก่อนว่า บ้านไหนมีผู้หญิงอยู่เพียงลำพัง และช่วงเวลาไหนบ้าง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ จากนั้นก็จะเข้าไปทำมิดีมิร้าย ซึ่งก็จะต้องมีวิธีป้องกัน โดยอย่าปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่บ้านเพียงลำพัง หรือการติดตั้งเครื่องมือเตือนภัย หากจะเกิดอันตรายขึ้นอย่างที่ "บางคนที" ได้มีการติดตั้งกริ่ง หรือ กระดิ่ง ถ้าใครเข้ามาก็ให้กดกริ่ง หรือสั่นกระดิ่ง แต่แค่เสียงคงไม่พอ ต้องเพิ่มแสงเข้าไปด้วย เพราะเวลาตอนกลางคืน จะไม่รู้ว่าบ้านไหนดัง ทั้งนี้ ถือว่าในพื้นที่บางคนที จ.สมุทรสงคราม ถือว่าเป็นโมเดลเลยก็ว่าได้
และจากการสอบสวนพบว่า ในแต่ละครั้งที่มีการก่อเหตุ คนร้ายไม่ได้นำอาวุธติดตัวมาด้วย จะมาหาอุปกรณ์ที่พบในบ้านมาเป็นอาวุธ แต่ส่วนใหญ่ใช้กำลังประทุษร้ายเสียมากกว่า และเป็นบุคคลที่มีร่างกายแข็งแรง เหมือนผู้ใช้แรงงาน และการก่อเหตุแต่ละครั้ง ไม่ได้ประสงค์ต่อทรัพย์เป็นหลัก บางครั้งอาจจะหยิบโทรศัพท์ติดมือไปบ้าง แต่เป้าหมายหลักคือ การทำร้ายทางเพศ ซึ่งดูจากพฤติกรรมของคนร้าย บางครั้งเรียกว่าเบี่ยงเบนทางเพศ หรือชอบคนสูงอายุมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเป็นพฤติกรรมเฉพาะบุคคล ที่ผ่านมา ทาง จนท.ตำรวจ ได้นำเอาบุคคลที่คล้ายๆภาพสเก็ต มาตรวจสอบ DNA แต่ปรากฎว่า ไม่ตรงกับ DNA ของคนร้ายที่ก่อเหตุ

ที่ปรึกษาผบ.ตร กล่าวอีกว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ ทั้งสืบสวนภาค7 สืบสวนจังหวัดนครปฐม และเจ้าหน้าที่สภ.พุทธมณฑล ได้ร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิด โดยตนได้ลงมาพื้นที่เพื่อให้ข้อมูลตั้งแต่พยานหลักฐานสำคัญที่เก็บได้มาตั้งแต่คดีที่ผ่านมา พร้อมทั้งดูความคืบหน้าคดีที่เกิดขึ้นและร่วมวิเคราะห์คดี ตลอดจนพฤติกรรม และสถานที่เกิดเหตุ เพื่อเชื่อมโยงไปถึงตัวคนร้าย