svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

คุม"สมชาย-พรชนก" ทำแผนเพิ่ม

25 ตุลาคม 2557
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตร.คุมตัว นายสมชาย แก้วบางยาง และนางพรชนก ไชยะปะ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพคดีฆาตกรรม นายคัทซึโตชิ ทานะกะ อดีตสามีอีกคนของนางพรชนก ด้วยการผลัดตกบันได ก่อนคุมตัวฝากขัง

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 25 ตุลาคม 2557 พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา รรท.ผช.ผบ.ตร. พร้อมด้วยพ.ต.อ.สมชัย อินตาพวง รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ  พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ผกก.สภ.บางพลี และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ได้ทำการเบิกตัวนายสมชาย แก้วบางยาง อายุ 47 ปี และนางพรนก ไชยะปะ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าหั่นศพนายโยชิโนริ ชิมาโตะ อายุ 79 ปี ครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่น มาจากสภ.บางเสาธง เพื่อมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่บ้านเลขที่ 99/427 หมู่ 9 ถ.บางนา-ตราด กม.18 ฝังขาเข้า ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ภายหลังจากนายสมชาย ได้เปิดปากรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่านายคาชิโตชิ ทานากะ อดีตสามีชาวญี่ปุ่นคนที่สอง ของนางพรชนก ซึ่งเสียจากอุบัติเหตุตกบันได เมื่อต้นเดือนตุลาคม ปี 2546 แต่จริงๆแล้ว นายสมชาย เป็นผู้ผลักตกบันได ก่อนนำร่างนายนายคาชิโตชิ สอดเข้ากับช่องราวบันได้ แล้วใช้เท้ากดที่คอจนขาดอากาศหายใจ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ปลูกติดกันหลายคูหา สูง 4 ชั้น เจ้าหน้าที่คุมตัวนายสมชายลงมาชี้จุดเกิดเหตุ ซึ่งให้นางพรชนก รออยู่ในรถตู้ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว ทั้งนี้ ระหว่างทำการชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายสมชาย ให้การว่า ในวันเกิดเหตุตนเดินทางมาที่บ้านหลังดังกล่าว มีการตั้งวงดื่มสุราในช่วงหัวค่ำกับนายคาชิโตชิ นางพรชนก ซึ่งขณะนั้นใช้ชื่อว่าเพ็ญศรี ทานากะ นายสมศักดิ์ แซ่ลิ้ม น้องชายของตน และนายวิชัย แซ่ลิ้ม พ่อของตน โดยที่นายคาชิโตชิ ไม่ทราบมาก่อนว่า ตนเป็นสามีคนแรกของนางพรชนก เมื่อดื่มกันเสร็จก็แยกย้ายกลับเข้านอน ซึ่งพ่อและน้องชายของตนนอนที่ชั้นลอยระหว่างชั้น 2 กับชั้น 3 ส่วนนายคาชิโตชิกับนางพรชนก นอนอยู่บนชั้น 4 กระทั่งกลางดึกตนได้มาดักรอนายคาชิโตชิ ที่บันไดชั้น 3 ครึ่ง จนกระทั่งเห็นนายคาชิโตชิ ลุกออกจากห้องนอน เพื่อมาเข้าห้องน้ำชั้น 3 ที่อยู่ติดบันได ตนจึงตัดสินใจขัดขานายคาชิโตชิ แล้วผลักจนตกบันไดทันที จากนั้นได้นำศรีษะของนายคาชิโตชิ ใส่เข้าไปบริเวณช่องซี่กรงราวบันได ก่อนเหยียบคอจนขาดอากาศหายใจ เมื่อเห็นหน้าเขาเขียวคล้ำ นอนแน่นิ่งไปแล้ว ก็ทำทีเรียกคนในบ้านว่า นายนายคาชิโตชิ  ตกบันไดให้รีบมาช่วย 
จากนั้นนางพรชนก ก็รีบลงมาดู ต่อด้วยพ่อและน้องชายตนมาดู ตนกับนางพรชนก ก็ช่วยกันลากร่างของนายคาชิโตชิ ลงมาข้างล่าง ก่อนที่ทุกคนเห็นว่านายคาชิโตชิ เสียชีวิตแล้ว จึงออกจากบ้านแล้วขับแท็กซี่ออกไปทันที ส่วนนางพรชนก ก็ดำเนินการแจ้งความว่าเป็นอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตาม นายสมชาย อ้างว่า สาเหตุที่ลงมือฆ่าทั้งนายคาชิโตชิ ทานากะ และนายโยชิโนริ ชิมาโตะ เนื่องจากหึงหวงนางพรชนก และคิดว่าหากนายคาชิโตชิ เสียชีวิตแล้ว ตัวเองจะสามารถดูแลร้านขายอุปกรณ์การเกษตรของนายคาชิโตชิ ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพดังกล่าว มีสื่อมวลชนทั้งไทยและญี่ปุ่นมาทำข่าวจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็มีประชาชนระแวกใกล้เคียงมามุงดูเป็นจำวนมากเช่นเดียวกัน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังให้พยานบุคคลมาชี้จุดยืนยันด้วย คือนายสมศักดิ์ แซ่ลิ้ม อายุ 32 ปี น้องชายของนายสมชาย ซึ่งให้การเป็นประโยชน์ ระบุว่านายสมชายเป็นผู้ลงมือผลักนายคาชิโตชิตกบันได ก่อนที่นางพรชนกจะขอร้องให้ทุกคนบอกว่าเป็นอุบัติเหตุตกบันไดเอง 
นายสมศักดิ์ เปิดเผย ว่า ตนและนายวิชัย แซ่ลิ้ม ซึ่งเป็นพ่อ เป็นลูกจ้างของนายคาชิโตชิ โดยในวันเกิดเหตุพี่ชายของตนเดินทางมารับประทานอาหารที่บ้าน มีตนเอง นายสมชาย นางพรชนก และนายคาชิโตชิ ได้นั่งรับประทานอาหารและดื่มกินกันอยู่ที่ชั้น 1 ของบ้าน จากนั้นเวลา 20.00 น. ได้แยกย้ายกันไปพักผ่อน กลางดึกบิดาไดปลุกตนเองเนื่องจากได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วยเหลือ จึงขึ้นไปบนชั้น 3 พบนายคาชิโตชินอนแน่นิ่งอยู่บริเวณบันได และพบนายสมชายและนางพรชนกยืนอยู่ ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปช่วยนำลงมาชั้น 1 ของบ้านและนำส่งโรงพยาบาล ส่วนนายสมชายได้ได้ขับแท็กซี่หลบหนีไป ซึ่งก่อนนำส่งโรงพยาบาลพ่อของตนคือนายวิชัย ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว ได้จับชีพจร เอามือแตะที่จมูกพบว่านายคาชิโตชิไม่หายใจแล้ว และเชื่อว่าเสียชีวิตแล้ว ขณะเดียวกันก็เอะใจในการตกบันได ไม่น่าจะตกลงมาเอง ต่อมานางพรชนกได้ย้ำกับตนเองว่าห้ามไม่ให้บอกใครว่านายสมชายอยู่ในที่เกิดเหตุและให้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นอุบัติเหตุพลัดตกบันได
ตลอดเวลานับ 10 ปี ผมมีความไม่สบายใจ เพราะอมความลับการตายของคนญี่ปุ่นไว้ ไปทำบุญมาหลายวัดก็ยังไม่สบายใจ ใช้ชีวิตไม่มีความสุข แต่พอมีเรื่องเกิดขึ้นซ้ำ และทางตำรวจรื้อคดีมาสอบสวนใม่ ผมตัดสินใจให้ข้อมูลความจริงกับตำรวจ เพื่อ ความสบายใจของตัวเอง และให้คนผิดต้องได้รับโทษ ถึงแม้นายสมชายจะเป็นพี่ชายของผมก็ตาม ต้องไปชดใช้กรรมในสิ่งที่เขาได้ทำลงไป ปกตินายสมายมักเป็นคนโมโหร้าย เวลาโกรธจะไม่ยอมใคร และก่อนมาขับแท็กซี่นายสมชายทำงานอยู่ที่โรงเชือดหมูย่านคลองเตย นายสมศักดิ์ กล่าวยืนยัน
ขณะที่พล.ต.ท.สุวิระ กล่าวว่า คดีนี้มีทั้งพยานบุคคล หลักฐานทางเอกสาร วัตถุ และคำสารภาพของนายสมชาย ที่สอดคล้องกับผลทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่พบว่า นายคาชิโตชิ ไม่ได้เสียชีวิตจากการตกบันได รวมทั้งพยานบุคคลซึ่งเป็นน้องชายของผู้ต้องหาที่ให้การยืนยันชัดเจน ตำรวจจึงสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับ และแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนอีกข้อหาคือแจ้งความเท็จ หรือให้การอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานนั้น ได้หมดอายุความไปแล้ว เนื่องจากข้อหานี้มีอายุความ 10 ปี ซึ่งได้หมดอายุความไปเมื่อต้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังในวันนี้(25 ต.ค.) ก่อนสรุปสำนวนเพื่อส่งอัยการส่งฟ้องศาลต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังนำตัวนายสมชาย ไปชี้จุดทำแผนเสร็จ เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนางพรชนก ไปชี้จุดทำแผนต่อ แต่ทำได้ไม่นานนางพรชนก ก็เป็นลมล้มพับ เจ้าหน้าที่จึงต้องแบกนางพรชนก มาขึ้นรถตู้ปฐมพยาบาล พร้อมกับให้ยาดม จากนั้นก็นำผู้ต้องหาทั้งสองไปฝากขังที่ศาลอาญา ถ.รัชดา ทันที ขณะเดียวกันก่อนเบิกตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ลูกสาวทั้งสองคนคือ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 23 ปี และ น.ส.ส้ม (นามสมมติ)  อายุ 17 ปี ได้เข้าเยี่ยมผู้ต้องหาทั้งสองที่ สภ.บางเสาธง โดยทั้งคู่ได้สวมกอดร้องไห้ แล้วบอกให้ผู้ต้องหาซึ่งเป็นพ่อกับแม่ รักษาตัวให้ดี ฝ่ายผู้ต้องหาก็บอกกับลูกให้รักษาตัวให้ดี แล้วฝากพี่คนโตดูแลน้องที่กำลังเรียนหนังสือด้วย โดยน.ส.เอ รับปากว่าจะดูแลน้องสาว และจะลาออกจากงานที่ จ.ปราจีนบุรี มาหางานทำย่านบางพลี เพื่อดูแลน้องสาว และจะส่งเสียให้เรียนหนังสือจนจบ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทางพนักงานสอบสวน สภ.บางเสาธง ได้แจ้งข้อหาเพิ่มกับผู้ต้องหาทั้งสองคนอีก 2 ข้อหา คือร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันนำไปซึ่งเอกสาร ปิดบังซ่อนเร้นเผาทำลายเอกสาร โดยในการฝากขังครั้งนี้พนักงานสอบสวนได้ทำเรื่องคัดค้านประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ ก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ เกรงจะหลบหนี

logoline