เตรียมส่งฟ้องคดีเกาะเต่า ในสัปดาห์นี้

ความคืบหน้าคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ล่าสุด คณะอัยการจังหวัดเกาะสมุยและอัยการภาค 8 กำลังเร่งพิจารณาสำนวน หลังจากทางพนักงานสอบสวนในส่วนของตำรวจส่งมอบสำนวนคดีครบสมบูรณ์แล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางนายธวัชชัย เสียงแจ้ว อธิบดีอัยการภาค 8 ได้แนะนำให้ไปแก้ไขในบางประเด็นที่ยังบกพร่อง และคาดว่าภายในสัปดาห์นี้ทางอัยการจังหวัดเกาะสมุยจะสามารถสรุปสำนวนคดียื่นต่อศาลจังหวัดเกาะสมุยเพื่อสั่งฟ้องได้
ส่วนที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ตอนนี้ ทางสำนักงานกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ได้จัดส่งคณะทำงานลงพื้นที่เกาะเต่า เพื่อเข้ารับฟังข้อคิดเห็นและรับข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ผู้นำชุมชนและหัวหน้าส่วนราชการบนเกาะเต่า โดยทางผู้ประกอบการได้เสนอให้มีการรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวรู้จักประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามของคนไทยก่อนเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะเต่า โดยนำเสนอในเรื่องของการแต่งกาย ควรมีคำแนะนำให้นักท่องเที่ยวแต่งกายตามความเหมาะสม ไม่แต่งกายในลักษณะยั่วยุ หรือโป๊เปลือย เช่นใส่ชุดบิกินี เดินในสถานที่ไม่เหมาะสม และให้เลือกสถานที่ในการมีเพศสัมพันธ์ ควบคุมแท็กซี่ให้มีคุณภาพ จัดตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยวให้ครบวงจร จัดทำแผ่นป้ายประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวพร้อมแทรกเนื้อหาประเพณีวัฒนธรรมของไทยและข้อปลีกย่อยให้นักท่องเที่ยวรู้ว่าสิ่งไหนควรทำ สิ่งไหนไม่ควรทำ พร้อมทั้งให้มีความระมัดระวังอันตรายในจุดเสี่ยง

นอกจากนั้นกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว ยังเรียกร้องให้ทางภาครัฐเร่งหามาตรการการควบคุมการก่อสร้างบ้านพักบังกะโลที่ผู้ประกอบการเอาเปรียบสังคมและทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยบางแห่งออกแบบการก่อสร้างบังกะโลแต่ละหลังปล่อยน้ำเสียลงในทะเลโดยตรงและบางแห่งจัดทำส้วมไม่ถูกสุขอนามัยโดยต่อท่อระบบขับถ่ายลงในทะเลโดยตรง ซึ่งของเสียเหล่านี้จะไปทำอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศก์ในบริเวณทะเลใกล้ชายหาด ซึ่งลักษณะแบบนี้มีให้เห็นทั่วไปเกือบทั้งเกาะ
หลังจากรับฟังข้อคิดเห็นแล้วนางสาวสุตสิริ สุคนธรัตน์ หัวหน้าคณะทำงาน กล่าวว่า ทางกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวจะเร่งจัดทำเอกสารประชาสัมพันธ์รูปแบบให้นักท่องเที่ยวรับรู้ข้อมูล ในการเข้ามาท่องเที่ยวแต่ละพื้นที่ และนำขึ้นเว็ปไซด์เพื่อแจ้งให้นักท่องเที่ยวรับทราบ พร้อมจัดตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแบบครบวงจร และเตรียมจัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการและอาสาสมัครในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ พร้อมนำข้อมูลที่ได้รับรายงานต่อผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยวเพื่อนำเสนอต่อผู้รับผิดชอบต่อไป