สอบเครียดลูกเรือสปีดโบ๊ท คดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยว

ล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.57 ) กว่า 1 สัปดาห์หรือร่วม 8 วันแล้วนับตั้งแต่วันเกิดเหตุจนถึงขณะนี้ยังจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุไม่ได้ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจากทุกสังกัดทั้งจากส่วนกลางและภาค 8 ที่มีฝีมือดีถูกระดมกำลังมาทำคดีนี้เป็นกรณีพิเศษภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ประจำในพื้นที่ตั้งแต่วันเกิดเหตุหลังจากที่เมื่อคืน ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะสมุย ร่วมกับทีมสอบสวนยังสอบปากคำนายเลอพงษ์ สุขสมบูรณ์ อายุ 23 ปี พนักงานประจำเรือ(ลูกเรือ)สปีดโบ๊ทของเรือลมหลัก บริษัท ลมหลัก คีรินทร์ ไฮสปีด เฟอร์รี่ ที่ประจำอยู่เกาะนางยวน ตำบลเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน หลังจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีบุคคลแปลกหน้าเข้ามาหลบอาศัยอยู่ในถ้ำแหลมกากี ม.5 ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย เป็นเวลาหลายวันแล้ว และออกมาขอข้าวชาวบ้านกินเป็นครั้งคราวโดยตำรวจสอบปากคำเครียดตลอดทั้งคืนสลับกับพยายามเกลี้ยกล่อมเพื่อให้ได้สติอย่างละมุนละม่อมในการสอบปากคำ โดยยังให้การวกวนพร้อมพูดซ้ำๆว่าไม่ได้ตีฝรั่งตายโดยที่ทางเจ้าหน้าที่ได้นำเส้นผมกับเล็บบางส่วนไปตรวจดีเอ็นเอ.ตั้งแต่เมื่อคืนที่นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเปรียบเทียบกับ DNA ที่พบในร่างของนางสาวฮานน่าห์ วิทตอเรีย ผู้เสียชีวิต พร้อมสอบถามว่า ทำไมจึงหลบหนีออกจากพื้นที่ไปซ่อนตัวภายในถ้ำขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากกลุ่มชาวประมงที่นำเรือออกจับปลาอยู่บริเวณเขตพื้นที่อำเภอ ขนอมจังหวัดนครศรีธรรมราชว่าหลังวันเกิดเหตุมีชายไทยไม่ทราบชื่อขับเรือสปีดโบ๊ท ชื่อเรือ ลิทเติ้ลดัก สีขาวคาดส้มแดง เส้นทางมาจากเกาะพะงันมุ่งหน้าลงใต้ และได้แวะเข้ามาสอบถามเส้นทางเข้าหาดในเพราะ อำเภอขนอม แต่เมื่อขับเรือมา พบกับเรือตำรวจน้ำที่จอดลอยลำอยู่บริเวณหน้าหาด คนขับเรือได้หันหัวเรือกลับขับมุ่งหน้าลงใต้ไปทาง อ.ปากพนัง แหลมตะลุมพุก จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งสอดคล้องกับการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าคนไทยบนเกาะเต่าได้หายออกไปจำนวนหนึ่ง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าคนไทยที่หายตัวไปอาจะเป็นผู้ร่วมก่อเหตุก็เป็นไปได้ จึงได้แกะรอยเพิ่มเติมอีก

ขณะที่ พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ร้องขอไม่ให้ สื่อมวลชนเสนอข่าวเชิงลึกเกี่ยวกับรายละเอียดการทำงาน เนื่องจากเกรงว่าจะเสียรูปคดี และกลุ่มผู้ต้องสงสัยตอนนี้พบว่ามีคนไทยรวมอยู่ด้วยนั้น จะไหวตัวทันทำลายพยานหลักฐาน หลังจากที่ก่อนหน้านี้คนในเกาะเต่าบางส่วนที่เชื่อว่ารู้เห็นพยายามให้ข้อมูลเบี่ยงเบนประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพยานหลักฐานที่ชุดคลี่คลายคดีมีอยู่ในมือไม่สามารถเชื่อมโยงถึงกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้ จะทำให้การตรวจเก็บพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เป็นไปได้ยากขณะเดียวกัน พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ยังได้ขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม การเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อกระพุ้งแก้มจากกลุ่มบุคคลในบริเวณสถานที่เกิดเหตุจำนวน 30 ตัวอย่างนั้น ผลอย่างไม่เป็นทางการจะถูกส่งมาศูนย์ปฏิบัติเฉพาะกิจส่วนหน้าคลี่คลายคดี ที่เกาะเต่า เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 8 เป็นผู้วิเคราะห์และเปรียบเทียบต่อไป