นครบาลเล็งขึ้นบัญชีดำ นักเรียนนักเลง

นครบาล - วันที่ 19 ก.ย.2557 พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. กล่าวถึงมาตรการป้องกันแก้ปัญหาเหตุนักเรียนยกพวกตีกัน ว่า เรื่องนี้ทางตำรวจนครบาล มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง และไม่อยากให้มีการสูญเสีย เพราะทุกชีวิตมีค่า บางครั้งเหตุการณ์เกิดขึ้นกับบุคคลที่ 3 ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น แต่กลับได้รับผลกระทบ โดยเรื่องที่เกิดขึ้นมักจะเกิดจากคู่กรณีที่เคยปะทะกันอยู่ ซึ่งตำรวจต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะข้อมูลกลุ่มเสี่ยงของสถาบันต่างๆ ซึ่งคนที่จะรู้เรื่องดีว่า นักเรียนมีความประพฤติอย่างไร คือ อาจารย์ของสถาบันการศึกษานั้นๆ ดังนั้น จึงขอความร่วมมือนำข้อมูลของนักเรียนที่ถูกจัดไว้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มที่มีแนวโน้มจะมีปัญหามอบให้ตำรวจ โดยไม่ควรให้ก่อเหตุยกพวก หรือตามไปยิงคู่กรณีในที่สาธารณะในพื้นที่ต่างๆและควบคุมให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ไปก่อเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้ยุทธวิธีการป้องกัน เข้าถึงตัวผู้ที่จะกระทำผิดให้ได้ต่อไป" การยกพวกตีกันนั้น บางกลุ่มมองว่า กลายเป็นประเพณีไปแล้ว และจะมีการแก้ไขอย่างไรนั้น ในส่วนประเพณีความเชื่อ จะต้องแก้ไขกันในระยะยาว แต่ก็ต้องใช้คนในการทำงาน เมื่อเรารู้ว่ากลุ่มไหนคือกลุ่มเสี่ยง หรือเป็นกลุ่มติดอาวุธ และใช้กำลัง ขอเพียงได้ข้อมูล เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นผู้ดำเนินการ ในส่วนนี้คิดว่าปัญหานี้แก้ไขได้และไม่ควรมีความสูญเสียอีกแล้ว จากวันนี้เป็นต้นไปฝ่ายสืบสวนจะลงพื้นที่ดำเนินการแผนดังกล่าวทันที และขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะขยายผลไปสู่ข้อมูลด้านอื่นๆ ด้วย ทั้งเครือข่ายหรือแก๊ง ศิษย์เก่า ศิษย์ใหม่ ที่เข้ามาร่วมก่อเหตุ ส่วนจะนำกำลังลงพื้นที่ทันทีหรือไม่นั้น คงต้องให้ได้ข้อมูลกลุ่มเสี่ยงมาก่อนอาจจะ 50 - 60 คนก็แล้วแต่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของสถานบันคัดกรองให้เรา โดยจะประสานทุกสถาบันทั่วกรุงเทพที่มีแนวโน้มจะก่อเหตุเป็นคู่กรณีไป" รองผบช.น.กล่าวด้าน พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 กล่าวว่า ที่ประชุมได้วางแผน และมาตรการป้องกันเหตุนักเรียนตีกัน หรือแก้แค้นกัน โดยเน้นหนักในเรื่องการเฝ้าระวัง ในเรื่องการของการใช้กำลังเข้าปะทะกันระหว่างสถาบันต่างๆ เนื่องจากมีเหตุนักศึกษาทำร้ายกัน จนถึงแก่ความตายในหลายท้องที่ ได้แก่ บางซื่อ หัวหมาก และปทุมวันเน้นวางแผนป้องกันและสืบสวนจับกุมหลังเกิดเหตุให้สามารถจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้รวดเร็วควบคู่การป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียซึ่งฝ่ายสืบสวนจะรวบรวมข้อมูลจากนักศึกษากลุ่มเสี่ยงในสถาบันต่างๆทั้งหมด14 แห่งใน กทม.เดินหน้าประชาสัมพันธ์สร้างความร่วมมือกับอาจารย์และผู้ปกครองให้เข้าใจถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามจะเข้าไปช่วยเหลืออยู่แล้ว ไม่อยากให้ทุกสถาบันที่เป็นจุดเกิดเหตุเข้าใจ ซึ่งฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หนักขึ้นอีกครั้ง