จับแก๊งขนยาบ้ากว่า 1 ล้านเม็ด

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 28 กรกฎาคม พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองบ.ตร. และพล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดแถลงผลการจับกุมว่าที่ร.ต.สมศักดิ์ สรดีคณยศ อายุ 22 ปี ชาวจ.ตาก นายประเสริฐ เล่าเจริญกุล อายุ 30 ปี ชาวจ.ตาก นายอนุรักษ์ เล่าดีเจริญ อายุ อายุ 24 ปี ชาว จ.ตาก นายชาติชาย เกิดมณีกุล อายุ 25 ปี ชาว จ.ตาก นายวิเชียร จันทร์จงเจริญ อายุ 24 ปี ชาว จ.ตาก และนายสาธิต แซ่เฮ่อ อายุ 23 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ พร้อมของกลางยาบ้าชนิดสีส้มและสีฟ้า บรรจุในซองสีฟ้า ก่อนมัดรวมเป็นมัด จำนวน 500 มัด บรรจุอยู่ในกระสอบ 4 กระสอบ จำนวน 1,000,000 เม็ด โดยซุกซ่อนอยู่ที่บริเวณป่าละเมาะ บ้านกุดตาเรือ ม.14 ต.ทรายขาว อ.วังสะพุง จ.เลย รถกระบะ ยี่ห้ออิซูซุ ดีแม็คสีดำ ทะเบียน 1ฒฆ- 7488 กทม. รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีน้ำตาล ทะเบียน 1ฒง- 6508 กทม. รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน บฉ-3792 ตาก รถกระบะยี่ห้อนิสสัน ฟรอนเทียร์ ทะเบียน บน - 6058 สุโขทัย และโทรศัพท์มือถือ 14 เครื่อง
พล.ต.ท.สุรพล กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดของกลุ่มชาวม้ง จ.ตาก ร่วมกับชาวม้ง จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งได้รับการว่าจ้างจากนายทุนทางภาคเหนือ เพื่อนำยาเสพติดไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่กทม.และปริมณฑล โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการได้มีการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของ นายอนุรักษ์ นายสาธิตและนายอำพล แสงทองศิริกุล โดยเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ไปดูลาดเลาพื้นที่รับมอบยาเสพติดในพื้นที่ปากชม จ.เลย ขณะที่ในวันที่ 21 ก.ค. ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้เดินทางไปสำรวจเส้นทางและดูพื้นที่ส่งมอบยาเสพติดที่ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อมาเวลา 03.00 น.วันที่ 26 ก.ค. กลุ่มผู้ต้องหาได้มีการไปรับยาจากบริเวณริมแม่น้ำโขง อ.ปากชม จ.เลย โดยมีรถกระบะยี่ห้ออิซูซุ ดีแม็คสีดำ ทะเบียน 1ฒฆ 7488 กทม. เป็นรถที่ใช้ในการขนยาเสพติด ส่วนรถคันอื่นเป็นรถสำรวจเส้นทางและคุ้มกัน ซึ่งหลังจากรับยาเสพติดทั้งหมดได้ใช้เส้นทางถนนหลวงสาย 2016 มุ่งหน้าอ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่จึงได้เฝ้าสังเกตุการร์ติดตามกลุ่มคนร้าย โดยระหว่างนั้นคนร้ายที่อยู่ในรถคันที่ขนยาเสพติดรู้ตัวว่าถูกติดตามจากเจ้าหน้าที่จึงได้ขับรถเลี้ยวเข้าไปบ้านกุดตาเรือ ม.14 ต.ทรายขาว อ.วังสะพุง จ.เลย ส่วนรถคันอื่นได้เร่งความเร็วหลบหนีโดยใช้ถนนสายวังสะพุง-หล่มเก่า ส่วนรถคันที่ขนยาเสพติดได้มาจอดที่ป่าละเมาะท้ายหมู่บ้านกุดตาเรือ เจ้าหน้าที่พบนายอนุรักษ์ และนายประเสริฐ กำลังยกกระสอบบรรจุยาบ้า จำนวน 4 กระสอบซุกซ่อนไว้ในบริเวณป่าละเมาะ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมไว้ได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่ได้ติดตามรถเป้าหมายคันอื่นๆ สามารถสกัดจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดีต่อไป
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่จับกุมนายณัฐพงษ์ หรือไข่ โสภนราพงษ์ อายุ 33 ปี ชาวจ.ชัยนาท พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 40,000 เม็ด รถกระบะยี่ห้ออิซูซุ สีบรอนซ์ ทะเบียนป้ายแดง พ 1421 กทม.และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง โดยจับกุมได้บริเวณระหว่างซอย 17-19 ซ.พระยามนธาตุราชศรีพิจิตร ม.7 แขวงและเขตบางบอน กทม. เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังสืบทราบว่านายณัฐพงษ์ มีพฤติการณ์รับจ้างขนยาเสพติดโดยจะซุกซ่อนยาเสพติดไว้ในลำโพงและใช้บริษัทขนส่งสินค้าจากทางภาคเหนือ จากการตรวจสอบพบว่านายณัฐพงษ์มารับสินค้าหลายครั้ง เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามพฤติกรรมมาโดยตลอด กระทั่งเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ทราบว่านายณัฐพงษ์จะมารับสินค้าที่ บริษัท นิ่มซี่เส็ง จำกัด สาขาพุทธมณฑล สาย 5 และได้จอดรถข้างทางบริเวณซอย17- 19 ซ.พระยามนธาตุราชศรีพิจิตร เจ้าหน้าที่จึงได้สะกดรอยติดตามและสามารถจับกุมตัวไว้ได้พร้อมของกลาง
คดีที่ 3 เจ้าหน้าที่บก.ปส.3 จับกุม น.ส.ซีตี โครียาห์ (Siti Khoeriya) สัญชาติอินโดนีเซีย อายุ 29 ปี พร้อมของกลางโคเคน น้ำหนัก 2,140 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทาง ขณะเดินทางมาจากเมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต โดยสายการบินเอทิฮัด เที่ยวบิน EY402มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิอ เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เจ้าตัวสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากหญิงชาวอินโดนีเซีย ที่ใช้ชื่อว่าอิตัง โดยรับของจากสนามบินอาบูดาบี เดินทางมาเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเดินทางไปประเทศลาว และจะเดินทางผ่านรถประจำทางกลับเข้าประเทศไทยโดยรถประจำทางผ่านด่าน จ.หนองคาย โดยจะได้ค่าจ้าง 1,800 เหรียญสหรัฐ
พล.ต.ท.สุรพล กล่าวว่า ครั้งนี้นับเป็นการจับกุมยาเสพติดรายใหญ่ได้เป็นครั้งแรกหลังจากขบวนการลำเลียงยาเสพติดได้หยุดเคลื่อนไหวหลังจากที่คสช.เข้ามาบริหารประเทศ โดยก่อนหน้านี้ประมาณ 2 สัปดาห์กลุ่มขบวนการเหล่านี้ได้ทดลองขนยาเสพติดครั้งละปริมาณไม่มาก เพื่อทดสอบความเข้มแข็งการตั้งด่านสกัดกั้นของตำรวจ นอกจากนี้มีการสำรวจเส้นทางตั้งชายแดนประเทศลาวมายังพื้นที่กทม.ปริมณฑลขณะที่อีกรายเป็นการใช้วิธีการเดิมๆ คือการซุกซ่อนมากับสินค้าที่ขนส่งโดยบริษัทรับขนส่งสินค้า
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมเสนอให้คสช.ผ่านกฎหมายเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ที่บังคับให้บริษัทที่ประกอบการรับส่งสินค้าและพัสดูภัณฑ์ต้องตรวจสอบสินค้าที่รับส่ง มีการสำแดงว่าสินค้าที่รับส่งเป็นสินค้าประเภทใดระบุรายละเอียดของผู้ส่งและผู้รับอย่างชัดเจน การสแกนว่าสินค้าที่รับส่งนั้นว่าไม่ใช้ยาเสพติดไหรือสิ่งผิดกฎหมาย ต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบสินค้าหากเป็นกรณต้องสงสัยว่าเป็นยาเสพติด จากเดิมที่บริษัทเหล่านี้จะอ้างว่าไม่สามารถเปิดสินค้าของลูกด้าดูได้ เพราะเกรงว่าสินค้าจะได้รับความเสียหาย จึงเป็นช่องทางให้กลุ่มขบวนการขนลำเลียงยาเสพติดใช้ช่องทางนี้ในการลำเลียงยาเสพติด