svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

เตือนภัยมิจฉาชีพหลอกหากินกับ ญาติคนตาย

24 กรกฎาคม 2557
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

พิษณุโลก -แจ้งเตือนภัยอย่าหลงกลกลุ่มมิจฉาชีพหลอกหากินกับญาติผู้เสียชีวิต เหยื่อคน ต.บึงพระ อ.เมืองพิษณุโลก เจอล่าสุด เป็นแม่ของชายหนุ่มประสบอุบัติเหตุรถยนต์ชนต้นไม้เสียชีวิต 2 ศพพร้อมลูกในท้อง 8 เดือน คนร้ายโทรศัพท์มาหลอกว่าผู้ตายทำประกันไว้ แต่ขาดส่ง หลงกลโอนไปให้ 7,000 บาท ช้ำอีกเข้าแจ้งความ หอบหลักฐานที่ธนาคารกรุงไทยอุตส่าห์ค้นให้ พบคนร้ายที่ไปกดเงินที่อยุธยา หวังจับคนร้ายได้โดยเร็วจะได้ไม่ไปหลอกคนอื่นอีก เจอตำรวจใช้คำพูดไม่เหมาะสม คงไม่ได้เงินคืน กลับไปจัดงานศพก่อนดีกว่า

เมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม ที่วัดบึงพระ อ.เมืองพิษณุโลก ผู้สื่อข่าวประจำจ.พิษณุโลกได้รับแจ้งร้องทุกข์จากนางสำรวย วงษ์สุวรรณ อายุ 48 ปี ชาวบ้านเลขที่ 368 ม.2 ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ให้มานำเสนอข่าวเป็นอทาหรณ์ ให้ประชาชนทั่วไป ได้ระมัดระวังอย่าเป็นเหยื่อหลงกล แก๊งค์มิจฉาชีพ หลอกให้โอนเงินไปให้ เพื่อจะได้รับค่าประกันชีวิตของบุตรชายวงเงิน 600,000 บาท หลังจากที่นางสำรวยโดนมากลับตัวเมื่อวันที่ 23 กรกฏาคมที่ผ่านมา
นางสำรวย วงษ์สุวรรณ เปิดเผยว่า ตนเป็นมารดาของนายสุรศักดิ์ วงษ์สุวรรณ อายุ 31 ปี และลูกสะใภ้ คือ นางสาวทัศนี วงศ์แพงภักดิ์ อายุ 31 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักพุ่งชนต้นไม้เสียชีวิตที่ถนนพิษณุโลก-บึงพระ ม.2 ต.บึงพระ อ.เมืองพิษณุโลก เมื่อคืนวันที่ 20 กรกฏาคม ที่ผ่านมา พร้อมกับลูกในครรภ์นางสาวทัศนี อายุ 8 เดือน จากนั้น ตนก็จัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพลูกชายและลูกสะใภ้ ที่วัดบึงพระ มีกำหนดการฌาปณกิจในเย็นวันที่ 24 กรกฏาคม 2557 นี้
เหตุการณ์ที่ถูกแก๊งค์มิจฉาชีพหลอก เกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 23 กรกฏาคมที่ผ่านมา มีผู้ชายคนหนึ่ง โทรศัพท์เข้ามาที่มือถือของตน ขอแสดงความเสียใจกับตนและครอบครัว พร้อมกับแจ้งว่า ลูกชายตนทำประกันชีวิตไว้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ตนจำชื่อบริษัทไม่ได้ แต่ลูกชายตนขาดส่งเบี้ยประกันมาระยะหนึ่ง โดยอธิบายลักษณะของการทำประกัน คล้ายกับที่ตนเคยทำ และดูน่าเชื่อถือมาก โดยบอกให้ตนโอนเงินเข้าไปยังบัญชีชื่อนายสมชาย แซ่โค้ว ธนาคารกรุงไทย สาขาศูนย์การค้าอยุธยาปาร์ค จ.พระนครศรีอยุธยา ตนก็หลงเชื่อ เพราะลักษณะคำพูดและการอธิบาย ที่บอกให้ตนเตรียมเอกสารต่าง ๆ ไว้ ทั้งสำเนาใบมรณะบัตร สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนของตน และบริษัทจะนำพวงหรีดพร้อมเงินประกันจำนวน 600,000 บาท มาให้ที่วัดบึงพระ ในช่วงเวลา 12.30 น.ของวันเดียวกัน
นางสำรวยเล่าว่า ช่วงนั้นตนอยู่ระหว่างจัดงานศพ และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ทราบหลอกว่า ลูกชายตนทำประกันชีวิตไว้หรือไม่ เพราะไม่ได้ไปค้นเอกสารดู ประกอบกับลักษณะคำพูดจึงหลงกลไปโอนเงินที่ธนาคารกรุงไทย สาขาพิษณุโลก ครั้งแรกจำนวน 5,646 บาท มีเจ้าหน้าที่ธนาคารช่วยกรอกให้ จากนั้นก็ขับรถกลับมาที่วัดบึงพระ ปรากฏว่าผู้ชายคนดังกล่าวก็โทรศัพท์เข้ามาอีกว่ายังขาดเงินอีก 2,000 บาท เป็นค่าให้นายเซ็นต์ จึงจะสามารถนำเงินค่าประกันชีวิตมาให้ได้เลย ตนก็บอกว่ามารับที่วัดได้หรือไม่ เพราะไม่อยากเสียเวลาอีก ผู้ชายคนนั้นก็หว่านล้อมอีก ตนกับน้องชายจึงกลับไปที่ธนาคารกรุงไทยและโอนเงินไปให้อีกรอบ รวม 2 ครั้งจำนวน 7,646 บาท และกลับมารอที่วัดบึงพระ กระทั่งเวลาผ่านไปถึงบ่าย ผู้ชายคนนั้นก็ไม่มาที่วัด ตามที่นัดหมายจะนำพวงหรีดและนำหลักฐานต่าง ๆ รู้สึกเอะใจ จึงโทรศัพท์กลับไปยังหมายเลขที่เคยโทรศัพท์เข้ามา ก็ไม่สามารถติดต่อได้ สุดท้ายจึงรู้ว่าถูกหลอก จึงพาน้องชายไปแจ้งความที่สภ.เมืองพิษณุโลก
ทั้งนี้ เมื่อไปแจ้งความที่ สภ.เมืองพิษณุโลกก็เจอเหตุการณ์ที่ไม่ประทับใจอีก ไปพบตำรวจก็เล่าให้ฟังว่าถูกหลอก กำลังเสียใจไม่ได้ฉุกคิด เจอคำพูดตำรวจคนหนึ่งทำนองว่าก็อยากไปให้เขาหลอกเอง จากนั้นก็ไปพบพนักงานสอบสวนอีกนายหนึ่งในห้องพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความ และพนักงานสอบสวนก็รับแจ้งความแล้ว ตนก็นำใบแจ้งความกลับมาที่ธนาคารกรุงไทย ทั้งเจ้าหน้าที่และผู้จัดการก็บริการดีมาก ช่วยเช็คให้ทันที ได้ข้อมูลว่านายสมชาย แซ่โค้ว เป็นคนมีภูมิลำเนาอยู่ จ.สระบุรี มาเปิดบัญชีที่ธนาคารกรุงไทยสาขาศูนย์การค้าอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ 2 เดือนแล้ว และมีเงินโอนเข้ามาลักษณะนี้ร่วม 100 ครั้ง
เมื่อตนโอนเงินไปแล้ว 2 รอบ ก็มากดเงินออกไปทันทีทั้ง 2 รอบ ที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย สาขาโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา และจากการเช็คบัญชี ก็พบว่าบัญชีนี้ มีลักษณะแต่เงินโอนเข้า ไม่เคยฝาก จึงนำหลักฐานที่ได้จากธนาคารกรุงไทย กลับมาพบพนักงานสอบสวนอีกรอบ เพื่อต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สกัดจับได้ทันควัน เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์หลอกลวงอย่างนี้กับคนอื่นอีก เพราะตู้เอทีเอ็มก็ไม่กล้องวงจรปิด ถ้าประสานงานกันก็น่าจะตามจับคนร้ายได้ไม่ยาก พร้อมกับให้หมายเลขโทรศัพท์ของธนาคารที่อยุธยาไว้ด้วย แต่ปรากฏว่า พนักงานสอบสวนที่รับเรื่องกลับบอกตนว่า
"คุณมามัวสนใจเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามเงินไม่ทันแล้ว กลับไปจัดงานศพก่อนดีกว่ามั้ย แล้วค่อยมาคุยกัน ตนก็บอกว่าไม่ใช่ ไม่ได้ติดใจเรื่องเงิน รู้แล้วว่ามันตามไม่ทัน แต่ไม่อยากให้คนอื่นโดนหลอกแบบนี้อีก สภาพจิตใจก็แย่อยู่แล้ว ยังมาโดนหลอกอีก ตำรวจก็บอกว่า ไม่ต้องไปห่วงคนอื่น ห่วงตัวเองเหอะ ทั้ง ๆ ที่เราพยายามหาหลักฐานจากธนาคารมาให้ แต่ยังมาเจอคำพูดจากตำรวจแบบนี้อีก เงิน 7,000 บาทอาจจะไม่มากสำหรับบางคน แต่สำหรับเราที่สูญเสียคนในครอบครัว สภาพจิตใจก็ย่ำแย่ ซ้ำยังมาโดนหลอกแบบนี้อีก จึงแค่อยากให้ตามจับคนร้ายให้ได้ หลักฐานก็มีพร้อม กล้องวงจรปิดก็มี คนอื่นจะไม่โดนหลอกอีก"
นางสำรวจ เผยต่อว่า เช้าวันนี้ มีนายตำรวจคนหนึ่งโทรศัพท์เข้ามาหาตน บอกว่าสอบถามเรื่องคดี และขอโทษในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็ตอบกลับไปว่า คำขอโทษของคุณทำกับประชาชนได้อย่างไร ลูกน้องของคุณที่เป็นตำรวจทำไมพูดกับประชานอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่ประชาชนกำลังเสียใจ ขอร้องว่าไม่อยากให้คนอื่นถูกหลอกต่อ และถ้าจับคนร้ายได้ ก็อยากจะเจอหน้าคนร้ายที่มาหลอกลวงตน อยากจะถามเขาว่า จิตใจเป็นคนมั้ย มโนธรรมสำนึกมีมั้ย คนกำลังตกทุกข์ได้ยากแล้วมาซ้ำเติมเขา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการจัดงานศพของสุรศักดิ์ วงษ์สุวรรณ และภรรยานางสาวทัศนี วงศ์แพง ทางญาติได้ทำบุญเลี้ยงเพลพระในช่วงเวลา 10.30 น. และเตรียมฌาปณกิจในเวลา 16.00 น.ของวันนี้ ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้าอย่างมาก เนื่องจากการสูญเสียครั้งนี้ นางสำรวจ วงษ์สุวรณ ได้สูญเสียทั้งลูกชายคนโตและลูกสะใภ้ พร้อมกับหลานในครรภ์ของลูกสะใภ้อายุครรภ์ 8 เดือน

logoline