svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"เสธ.น้อย" ออกโรงป้อง "เทพหัสดิน ณ อยุธยา" ชี้นามสกุลไม่เกี่ยวเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล

17 กรกฎาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เสธ.น้อย" ออกโรงป้องนามสกุล "เทพหัสดิน ณ อยุธยา" วอนสื่อและสังคมอย่าโยงเหมารวมนำเอาตระกูลไปต่อว่า วิพากษ์-วิจารณ์ เพราะเป็นเรื่องการกระทำส่วนบุคคล ซึ่งวงศ์ตระกูล และราชสกุล ไม่ได้เกี่ยวข้อง

กรณี น.ส.แพรวา ขับรถเฉี่ยวชนรถตู้โดยสารบนทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ และบาดเจ็บอีก 6 ราย เหตุการณ์เกิดขึ้น 27 ธันวาคม 2553 ผ่านมา 9 ปี ครอบครัวผู้เสียหายยังไม่ได้รับการเยียวยา แม้กระบวนการในชั้นศาลสิ้นสุดแล้ว เราไปดูชีวิตของแพรวากันบ้างว่า ช่วง 9 ปี ชีวิตของเธอเป็นอย่างไร
"น.ส.อรชร หรือแพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา" ช่วงถูกดำเนินคดี มีการเปลี่ยนเป็น บัวบูชา เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือ น.ส.รวินภิรมย์ อรุณวงศ์ มีการเปลี่ยนชื่อไปมาอยู่หลายครั้ง พร้อมเข้าพิธีแต่งงานกับชายหนุ่มรูปหล่อรายหนึ่ง ซึ่งชายหนุ่มรายนี้มีดีกรีเป็นถึงอดีตคณะอนุกรรมาธิการ คณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติอีกด้วยและใช้ชีวิตอย่างราบรื่นมีสุขดี

"เสธ.น้อย" ออกโรงป้อง "เทพหัสดิน ณ อยุธยา" ชี้นามสกุลไม่เกี่ยวเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล

แต่หลังจากมีการเผยแพร่เกี่ยวการเปลี่ยนชื่อของ น.ส.แพรวา ไปเป็น "บัวบูชา"ทำให้โลกออนไลน์ เข้าไปสืบค้นข้อมูลต่างๆ ว่า "บัวบูชา" ที่มีการเปลี่ยนชื่อไปมีชีวิตอย่างสุขสบายหรือไม่อย่างไร ก็ไปพบว่า "บัวบูชา" หรือ "แพรวา" ได้แต่งงานกับชายหนุ่มที่ได้กล่าวถึงมาก่อนหน้านี้ ใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 62 นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงยุติธรรมเข้าช่วยเหลือและอำนายความสะดวกในการเข้าถึงความยุติธรรมแก่ผู้เสียหายกรณี แพรวา 9 ศพ หรือคดีอุบัติเหตุรถยนต์ฮอนด้าซีวิค เฉี่ยวชนกับรถตู้โดยสารบนโทลล์เวย์จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ และมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ในส่วนของผู้เสียหายที่มีฐานะยากจน กระทรวงยุติธรรมจะให้กองทุนยุติธรรมเข้าไปช่วยเหลือค่าใช้จ่ายเป็นค่าทนายความและการสืบทรัพย์ ขณะที่กรมบังคับคดีพร้อมอำนวยความสะดวกในขั้นตอนการบังคับคดีเช่นกัน โดยผู้เสียหายหรือฝ่ายโจทก์ต้องไปยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีแล้วนำหมายบังคับคดีไปตั้งเรื่องที่กรมบังคับคดี เพื่อให้มีอำนาจเข้าไปสืบทรัพย์

"เสธ.น้อย" ออกโรงป้อง "เทพหัสดิน ณ อยุธยา" ชี้นามสกุลไม่เกี่ยวเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล


นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า เมื่อเริ่มต้นขั้นตอนการบังคับคดีแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจะสั่งอายัดทรัพย์ที่สืบพบแล้วนำออกขายทอดตลาด เพื่อนำเงินมาเฉลี่ยคืนตามความเสียหาย หากทรัพย์ที่นำออกขายทอดตลาดไม่เพียงพอต่อการชดใช้ค่าเสียหาย หรือมีมูลหนี้มากกว่า 1 ล้านบาท จะยื่นฟ้องขอให้ศาลสั่งให้จำเลยตกเป็นบุคคลล้มละลาย ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศหรือทำธุรกรรมทางการเงินได้เป็นเวลา 3 ปี แม้พ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจำเลยจะสบายหรือลั้นลา เพราะภาระความรับผิดก็ยังไม่หมดลง มูลหนี้ยังคงมีอยู่ จำเลยยังต้องทำงานชดใช้ค่าเสียหายจนกว่าจะครบตามคำพิพากษา หรือจนกว่าคดีจะขาดอายุความในการสืบทรัพย์เป็นระยะเวลา 10 ปี
ผู้เสียหายหรือโจทก์มีอาการมึนงง เดินไม่เป็นกรณีลูกหนี้ไม่ยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามคำพิพากษา ทั้งนี้เมื่อครบเวลา 30 วันหลังศาลมีคำพิพากษา หากลูกหนี้หรือจำเลยทำไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำหน้ามึน ผู้เสียหายจะต้องไปยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี เมื่อได้หมายบังคับคดีมาแล้ว จึงจะมีอำนาจเข้าไปสืบทรัพย์ว่าจำเลยมีทรัพย์สินอะไรบ้าง ซึ่งในชั้นนี้ยากที่สุด เพราะศักยภาพบุคคลทั่วไปนั้นยากต่อการเข้าถึงข้อมูล ต้องจ้างทนายความ คนจนคนด้อยโอกาสสามารถขอเงินค่าจ้างทนายความสืบทรัพย์ได้จากกองทุนยุติธรรมได้ รองปลัดกระทรวงยุติธรรมระบุ

"เสธ.น้อย" ออกโรงป้อง "เทพหัสดิน ณ อยุธยา" ชี้นามสกุลไม่เกี่ยวเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล


นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า ขอแนะนำให้จำเลยควรเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยจะดีที่สุด ส่วนผู้เสียหายหรือฝ่ายโจทก์ สามารถขอคำแนะนำช่วยเหลือได้ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดทุกจังหวัด หรือศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม
ทั้งนี้ บนกระแสข่าวโซเชียลมีเดีย ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึง สาวนามสกุลดังมาตลอด จนกระทั่งล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชสกุล "เทพหัสดิน ณ อยุธยา" ได้ออกมาเผยกรณีที่สื่อและสังคมได้ออกมามาวิพากษ์วิจารณ์ถึงต้นตระกูล จากเหตุที่ นางสาวแพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ขับรถยนต์ชนรถตู้โดยสาร บริเวณบนทางด่วนโทลล์เวย์ขาเข้า หน้าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ เมื่อปี 2553 นั้นเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพราะเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำโดยส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับนามสกุล ที่นำไปเหมารวม
"ต้นตระกูลเป็นนายสกุลพระราชทาน และที่ผ่านมาก็มีบรรพบุรุษหลายคนที่ทำคุณงานความดีรับใช้ให้ชาติบ้านเมืองมามากมาย การที่นำเหตุของคนที่เกิดขึ้นแล้วไปยำยี แล้วไปพาดเกี่ยวข้องกับนามสกุลนั้นไม่แฟร์ ฉะนั้นหากใครที่มีการกล่าวพาดพิง หรือเขียน หรือลงในโซเชียลที่เกี่ยวจ้องกับนามสกุล กับวงศ์ตระกูล จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย"ราชกสกุลเทพหัสดิน ณ อยุธยา กล่าว

"เสธ.น้อย" ออกโรงป้อง "เทพหัสดิน ณ อยุธยา" ชี้นามสกุลไม่เกี่ยวเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล


ด้านพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีต สนช. และอดีตประธานคณะที่ปรึกษา ทบ. เผยว่า อยากจะฝากสื่อ และสังคม โดยเฉพาะในโลกโซเชียล ต้องให้ความเป็นธรรมในกรณ์เหตุที่เกิดขึ้นป็นการกระทำโดยส่วนบุคคล อย่านำราชสกุลของตนไปเหมารวมทั้งหมด ขอให้มองด้วยเหตุด้วยผล เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยคนเดียว แต่เอานามสกุลไปวิพากษ์ และโยงไปถึงต้นตระกูลมันถือว่าไม่แฟร์ โดยเฉพาะไปโยงถึง พล.อ.ยศ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ซึ่งเป็นบิดา ที่ประกอบคุณงานความดี เป็นทหารรับใช้มาให้แผ่นดินไทยมากมาก วอนอย่านำไปโยง
"หากใคร ผู้ใด หรือสื่อ และโซเชียลมีเดีย ที่กล่าวพาดพิงนามสกุล ราชสกุล ผมในฐานะหนึ่งในราชสกุล ก็จะต้องดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และจะดำนเนินการเด็ดขาดทุกกรณี"พล.อ.วิชญ์กล่าว

logoline