svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ขสมก.เล็งโละพนักงาน 5 พันคน

26 มิถุนายน 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ครม.เห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. ยอมแบกรับภาระหนี้กว่าแสนล้านบาท เตรียมเปิดเกษียณอายุก่อนครบกำหนด 5 พันคน ใช้เงินรองรับ 6 พันล้านบาท นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ระบุ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. เนื่องจากเป็นรัฐวิสาหกิจที่ประสบปัญหาขาดทุน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 ขาดทุนสะสมสูงถึง 1.18 แสนล้านบาท ภาครัฐจึงต้องรับภาระดังกล่าวเมื่อเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ เนื่องจากรถเมล์โดยสาร 26,000 คัน ใช้งานมากกว่า 20 ปี มีภาระค่าซ่อมแซมสูงมาก

ขณะที่มีจำนวนพนักงาน 13,500 คน ในจำนวนดังกล่าวมีพนักงานขับรถ 5,000 คน กระเป๋ารถเมล์ 5,000 คน ในขณะที่รถเมล์ 1 คัน รับภาระดูแลพนักงาน 5.14 คน แต่เมื่อต้องมีภาระเพิ่มเติมหลายด้าน เช่น การปรับเพิ่มเงินเดือน 6.5% ต่อปี จึงต้องลดค่าใช้จ่ายบุคคลากร ผ่านโครงการเกษียณอายุราชการก่อนครบกำหนด จำนวน 5,000 คน ใช้เงินรองรับ 6,000 ล้านบาท เพื่อลดภาระต้นทุนพนักงาน
แผนฟื้นกิจการ ขมสก. เบื้องต้น มุ่งเดินหน้าจัดซื้อรถใหม่ 3,000 คัน ทั้งรถเมล์ไฟฟ้า ไฮบริด และ NGV ทั้งแบบการจัดซื้อและเช่า เพื่อนำมาปรับปรุงเส้นทางวิ่งให้บริการสอดคล้องกับเส้นทางรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ จากนั้นคาดว่าจะมีรายได้ก่อนหักภาษี (EBITDA)เป็นบวกในปี 2565 โดยรถเมล์ 1 คัน ลดภาระแบกรับพนักงานจาก 5.14 คน ลดเหลือ 2.75 คน จากนั้นคาดว่ารายได้จะปรับดีขึ้นต่อเนื่อง และ ขสมก.ต้องเสนอแผนฟื้นฟูในรายละเอียดเพิ่มเติม
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุ การดำเนินงานของ ขสมก.หลังจากนี้ จะกำหนดออกเป็น 5 ด้าน คือ 1.เข้าสู่ขั้นตอนการขออนุมัติทบทวนมติ ครม.เรื่องการจัดหารถโดยสารใหม่ จากกรอบเดิม 3,183 คัน เหลือ 3,000 คัน วงเงิน 1.3 หมื่นล้าน

โดยแผนจัดหารถเมล์ใหม่ แบ่งออกเป็น ดำเนินการเช่า จำนวน 700 คัน คือ 1.เช่ารถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) จำนวน 300 คัน และ 2.เช่ารถโดยสารไฮบริด จำนวน 400 คัน และดำเนินการจัดซื้อ จำนวน 2,300 คัน คือ 1.เอ็นจีวี จำนวน 489 คัน โดย ขสมก.ดำเนินการไปแล้วก่อนหน้านี้ และได้รับรถครบตามจำนวนดังกล่าวนำมาวิ่งให้บริการผู้โดยสารแล้ว 2.จัดซื้อรถโดยสารไฮบริด จำนวน 1,453 คัน 3.จัดซื้อรถโดยสารไฟฟ้า (อีวี) จำนวน 35 คัน และดำเนินการปรับปรุงสภาพรถโดยสารเอ็นจีวี จำนวน 323 คัน
2.ปรับปรุงเส้นทางเดินรถใหม่ ซึ่งขณะนี้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) อยู่ระหว่างปฏิรูปเส้นทาง 137 เส้นทาง โดยเส้นทางทั้งหมดนี้จะมอบให้ ขสมก.เป็นผู้ดำเนินการ
3. กระชับโครงสร้างองค์กร ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาปรับให้บริการ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพนักงาน จากปัจจุบันรถโดยสาร 1 คันจะต้องมีภาระค่าใช้จ่ายพนักงาน 5.14 คน ต้องปรับให้เหลือ 2.7 คนต่อรถ 1 คัน
4.ดำเนินการแผนพัฒนาธุรกิจ โดย ขสมก.จะต้องวางแผนหารายได้จากการพัฒนาพื้นที่อู่บางเขน และมีนบุรี เพื่อทำให้เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ คล้ายกับศูนย์กลางคมนาคม (TOD) ของรถเมล์ และ 5. ขสมก.จะต้องบริหารหนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบันประมาณ 1.2 แสนล้าน และทำให้องค์กรสามารถเลี้ยงดูตนเองได้ ซึ่งที่ผ่านมา ครม.ได้อนุมัติให้ ขสมก.หารือร่วมกับกระทรวงการคลังเพื่อขอยกหนี้สินทั้งหมด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดร่วมกับกระทรวงการคลัง

ขสมก.เล็งโละพนักงาน 5 พันคน


"หลังจากแผนฟื้นฟูผ่านการเห็นชอบจาก ครม.ในครั้งนี้แล้ว ที่ผ่านมา ขสมก.ก็ได้ดำเนินการคู่ขนานมาตลอด มีการจัดหาเอกชนแล้วเพื่อเข้ามาปรับปรุงรถเมล์แล้ว จากนี้หากมีการพิจารณาทบทวนมติ ครม.เรื่องจัดหารถเมล์ใหม่ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เห็นชอบ ก็จะสามารถดำเนินการปรับปรุงรถเมล์ได้เลย คาดว่าจะเริ่มในเดือน ต.ค.นี้ และในช่วงไตรมาส 2-3 ปีหน้าก็จะเริ่มเช่ารถเอ็นจีวี และไฮบริด 700 คัน ซื้อรถอีวี 35 คัน รวมในปีหน้า ไม่เกิน มิ.ย.2563 จะมีรถใหม่ 1,058 คันให้บริการ ส่วนซื้อไฮบริด 1,453 คันจะทยอยในปี 2564 - 2565"
นายประยูร ช่วยแก้ว รักษาการผู้อำนวยการ ขสมก. ระบุ แผนฟื้นฟูฉบับนี้ ขสมก.ดำเนินการมากว่า 5 ปี ตั้งแต่ปี 2557 จนมาถึงวันที่ได้รับอนุมัติจาก ครม. หลังจากนี้จะต้องรอให้ สศช.อนุมัติแผนปรับปรุงจาก 3,183 คัน เป็น 3,000 คัน และเสนอให้ ครม.ทบทวนมติเดิมก่อน หลังจากนั้น ขสมก.จึงจะเสนอของบประมาณเพื่อดำเนินโครงการแต่ละส่วนได้ ซึ่งโครงการที่มีความพร้อมมากที่สุด คือ การปรับปรุงรถเมล์เอ็นจีวี 323 คัน เพราะที่ผ่านมาได้จัดหาเอกชนรองรับโครงการนี้แล้ว หากได้รับอนุมัติในเดือน ต.ค.นี้ ก็จะใช้เวลาปรับปรุงรถเมล์ทั้งหมด 1 ปี
ส่วนโครงการวางระบบเทคโนโลยีให้บริการ เช่น ติดตั้งระบบ E-Ticket ชำระค่าโดยสารด้วย QR Code ติดตั้งระบบ GPS และ WIFI บนรถโดยสารนั้น คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีนี้ หลังจากนั้น ขสมก.จึงจะเดินหน้าโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด หรือโครงการร่วมใจจาก เพื่อปรับโครงสร้างองค์กร ลดจำนวนพนักงานจากปัจจุบัน 1.3 หมื่นคน ให้เหลือประมาณ 8 พันคน โดยจะเริ่มโครงการในปี 2563 - 2565 ภายใต้งบประมาณราว 6 พันล้านบาท แบ่งเป็น ปี 2563 ลดพนักงาน 655 คน ปี 2564 ลด 2,198 คน และปี 2565 ลด 2,198 คน

ขสมก.เล็งโละพนักงาน 5 พันคน


"งบในการเช่ารถโดยสารใหม่ จะเป็นเงินของ ขสมก.ที่เกิดจากรายได้ค่าโดยสาร ส่วนงบในการจัดซื้อ จะเป็นเงินกู้ แต่ ขสมก.จะเป็นผู้รับภาระชำระคืนเอง โดยในแผนฟื้นฟู ขสมก.จะชำระหนี้ได้ในปี 2566 มี Ebitda (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม) เป็นบวก เหลือขาดทุนไม่มาก และจะสามารถเลี้ยงตัวเองได้ในปี 2567 หลังจากนั้นจะใช้หนี้กู้ก้อนใหม่จากการซื้อรถครั้งนี้หมดในปี 2588 ส่วนหนี้เก่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน 1.2 แสนล้าน กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างตั้งทำงานเพื่อดูโครงสร้างหนี้สินทั้งหมด แยกหนี้ที่เกิดจากหนี้ประสิทธิภาพ และหนี้นโยบาย โดยเบื้องต้นประเมินว่าแบ่งออกเป็นหนี้ประสิทธิภาพ 20% และหนี้นโยบาย 80%"

logoline