svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

เล็งงัดไม้แข็งคุมค่ารักษาพยาบาล

18 มิถุนายน 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กรมการค้าภายใน ชี้แจงโรงพยาบาลเอกชน 300 แห่ง แนวทางดูแลราคายาและเวชภัณฑ์ ย้ำต้องแจ้งราคายาภายใน 12 ก.ค. เวชภัณฑ์และบริการทางการแพทย์ 22 ก.ค. หากพบราคาสูงเกินจริง เรียกชี้แจงทันที ถ้าไม่ร่วมมือ เล็งคุมมาร์จิ้น พร้อมหารือคปภ. ปรับปรุงโครงสร้างเบี้ยประกันใหม่

++นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า การประชุมชี้แจงแนวทางความโปร่งใสและเป็นธรรมด้านราคายา เวชภัณฑ์ บริการรักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาล ตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.2562 ให้กับโรงพยาบาลเอกชนกว่า 300 แห่ง จากที่เชิญไป 353 แห่ง เพื่อให้โรงพยาบาลเอกชนมีความเข้าใจตรงกันเกี่ยวกับการปฏิบัติตามประกาศ กกร. โดยราคาที่ต้องแจ้งมายังกรมฯ ต้องเป็นต้นทุนของยา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ โดยที่ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เข้าไปด้วย เช่น ค่าห้อง ค่าแอร์ ค่าเภสัชกร ค่าจ้างพนักงาน ค่าสร้างตึกใหม่ เป็นต้น และในส่วนของยา จะต้องแจ้งราคาซื้อและขายยาในกลุ่มบัญชีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิ์ทุกที่ (UCEP) และรายการยาที่มีการจำหน่ายสูงสุด รวม 3,992 รายการ ภายในวันที่ 12 ก.ค.2562 ส่วนราคาเวชภัณฑ์868รายการ และค่าบริการทางการแพทย์ 5,286รายการ ให้แจ้งภายในวันที่ 22 ก.ค.2562++ทั้งนี้ หลังจากที่กรมฯ ได้รับข้อมูลทั้งหมดแล้ว ในส่วนของราคายา จะนำมาตรวจสอบกับบัญชีราคายาของกรมบัญชีกลางและข้อมูลที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ ทั้งจากบริษัทผู้ผลิตยา และผู้นำเข้า เพื่อดูว่าเป็นราคาที่สอดคล้องกับต้นทุนหรือไม่ ถ้าสอดคล้องกับต้นทุน และเป็นราคาเฉลี่ยปกติ ก็จะไม่ทำอะไร จากนั้นจะนำราคาขึ้นไว้บนเว็บไซต์ของกรมฯ และจัดทำ QR Code จัดส่งให้โรงพยาบาลเอกชนไปติดไว้เพื่อให้ผู้ป่วยได้ตรวจสอบได้ โดยคาดว่าจะตรวจสอบได้ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.2562 เป็นต้นไป++"หลังวันที่ 12 ก.ค.2562 จะดูว่าราคาแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ถ้าไม่แตกต่าง ก็จะไม่ยุ่ง แต่ถ้ามีราคาสูงเกินจริง จะเชิญให้มาชี้แจงก่อน ถ้ายังไม่ร่วมมืออีก ก็ต้องใช้อำนาจตามกฎหมายเข้าไปดูแล ทั้งๆ ที่กรมฯ ไม่ได้อยากใช้อำนาจตามกฎหมายเลย โดยมาตรการที่จะนำมาใช้ได้ เช่น การกำหนดอัตรากำไรที่เหมาะสม แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ไปถึงขั้นนั้น เพราะกรมฯ ไม่ได้ต้องการที่จะใช้มาตรการ และหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการ หากโรงพยาบาลเอกชนให้ความร่วมมือ"นายวิชัยกล่าว++นายวิชัยกล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้ กรมฯ จะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ) เพื่อให้ คปภ. หารือกับสมาคมประกันชีวิต ในการปรับปรุงโครงสร้างเบี้ยประกันชีวิตและประกันสุขภาพให้สอดคล้องกับโครงสร้างราคายา เวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์ ซึ่งมีแนวโน้มที่เบี้ยประกันจะลดลง รวมทั้งการกำหนดรูปแบบการเคลมประกันในการเรียกค่าสินไหมทดแทนจะต้องครอบคลุมทั้งราคายา เวชภัณฑ์และบริการทางแพทย์ด้วย

logoline