"หมอวรงค์" เปิดใจ ยืนยัน ไม่มีใครแทรกแซงได้

นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เปิดใจกับทีมข่าวเนชั่นทีวีหลังโพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัว ยืนยันว่าการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่การหยั่งเสียงในรอบที่แล้ว และการประชุมใหญ่ล่าสุดที่ผ่านมา ไม่มีการแทรกแซงจากภายนอกตามที่นายชวนหลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์ และรู้สึกเสียใจ โดยเล่าเหตุผลของการออกมาชี้แจงครั้งนี้ เพราะว่า ต้องการชี้แจงข้อเท็จจริง เนื่องจากที่ผ่านมาเห็นผ่านสื่อ และผู้ใหญ่ในพรรคพาดพิงไปถึงการเลือกหัวหน้าพรรคครั้งที่ผ่านมามีการถูกแทรกแซง ซึ่งตนเองมีส่วนได้เสีย จึงยากชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ยืนยันว่า ไม่มีการถูกแทรกแซงใดๆทั้งสิ้น และที่ผ่านมาได้พิสูจน์ตัวเองในการปกป้องผลประโยชน์ประเทศชาติมานานถึง6ปี โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว และไม่มีใครมาแทรกแซงตนเองได้ ทั้งคนนอก และคนในหากมองว่าสิ่งใดถูกต้องก็แทรกแซงไม่ได้ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการต่อสู้แบบตรงไปตรงมาของคนในพรรคประชาธิปัตย์ จบแล้วก็คือจบส่วนกรณีที่กลุ่มของนายถาวร เสนเนียม ส.ส.จ.สงขลา จะสนับสนุน นายแพทย์วรงค์ และ สนับสนุนนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ในการผลักดันให้เป็นหัวหน้าพรรค เป็นเหตุทำให้ถูกมองว่าโดนแทรกแซงหรือไม่นั้น นายแพทย์วรงค์ ระบุว่า ทุกคนก็อยากให้พรรคมีประสิทธิภาพ อยากให้พรรคชนะการเบือกตั้ง ถ้าพรรคชนะการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง ก็ไม่มีใครอยากเข้าไปแข่งขัน แต่หากประเมินแล้วไม่ดี ก็เชื่อว่าเราจะทำได้ดีกว่า แต่ก็มักมีคนให้ร้ายว่า เมื่อเข้ามาแข่งขันก็จะกลายเป็นเข้ามายึดพรรค ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกัน ส่วนกลุ่มคนสนับสนุนก็เป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น และที่แข่งขันหัวหน้าพรรคก็อยากให้พรรคเปลี่ยนแปลงไปสู่จุดที่ดีขึ้น และเป็นหลักให้กับประเทศ เป็นหลักให้กับประชาชนได้
ส่วนจะเป็นการตอกย้ำความขัดแย้งหรือไม่ มองว่า เป็นเรื่องธรรมดาในข่วงเริ่มต้นของวิธีคิดที่คนจะมองว่าแตกแยก แต่คนจะเข้าใจผิดว่าตนเองถูกสั่งการ เป็นหุ่นเชิด ซึ่งไม่มีใครสั่งได้ หากเชื่อว่าสิ่งไหนถูกต้องก็จะทำ เหมือนกับการที่อยากให้เข้าร่วมรัฐบาล เพราะสามารถชั่งน้ำหนักได้ว่า ใครเป็นอันตรายต่อประเทศมากกว่า โดยยืนยันว่า การโพสต์เฟสบุ๊คครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการขี้แพ้ชวนตี แค่ต้องการจะชี้แจงประชาชนเท่านั้น
และความขัดแย้งในครั้งนี้จะนำไปสู่การย้ายพรรคได้หรือไม่นั้น มองว่า วันนี้ยังไม่มีอะไร เป็นเพียงการชี้แจงธรรมดา ส่วนตัวชี้แจงทุกอย่างจบแล้ว ส่วนจะทำให้ความขัดแย้งภายในพรรคจบลงได้หรือไม่นั้น มองว่า วันนี้เป็นเพียงนักการเมืองผสมประชาชน หลายเรื่องก็ต้องให้ได้ ส.ส.ทำหน้าที่ ทั้งนี้มองด้วยว่า ถ้าจะทำให้พรรคเกิดความแตกแยกในอนาคตอย่างที่หลายฝ่ายวิเคราะห์นั้น อาจจะมีสาเหตุมาจากการตัดสินใจไม่ร่วมรัฐบาลและเป็นฝ่ายค้านอิสระก็เป็นได้
นายแพทย์วรงค์ บอกถึงเหตุผลที่ไม่รับตำแหน่งกรรมการนโยบายของพรรคว่า ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะ เป็นมา6-7ปีแล้ว ทำมานาน ก็ควรจะเปิดโอกาสให้คนอื่นทำบ้าง และตำแหน่งนี้ไม่มีความสำคัญมาก ไม่ใช่ตำแหน่งที่มีสิทธิโหวตร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล  แค่ประชุมเสนอความคิดเห็น จึงอยากให้โอกาสคนอื่นที่มีความคิดสร้างสรรค์เข้ามาทำหน้าที่บ้าง และไม่ได้กังวลว่าจะถูกมองว่าไม่ร่วมทำวานกับทีมของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคฯ เพราะยังมีคนอื่นอีกมาก และหากตนเองมีความคิดเห็นอะไรก็จะเสนอผ่านไลน์ของพรรค รวมถึงปัจจุบันก็จะอยู่แต่จังหวัดพิษณุโลก เป็นหลัก หากมีเรื่องสำคัญจึงจะเข้าพรรค และแม้วันนี้ไม่มีตำแหน่ง แต่หากมีความเห็นอะไรก็จะโพสต์ผ่านเฟสบุ๊คเพื่อต้องการสื่อสารกับประชาชน
และเมื่อวันนี้ทุกคนเลือกผู้บริหารพรรคคนใหม่มาแล้ว ก็อยากให้โอกาสผู้บริหารได้ทำหน้าที่ ยังไม่ขอวิพากวิจารณ์ และเชื่อว่าจะนำพาพรรคได้ ส่วนพรรคจะกลับมาชนะการเลือกตั้งได้หรือไม่นั้น คงต้องรอดูไปก่อน พร้อมมองว่าพรรคจะต้องเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนและประเทศชาติ และหากทำตามนี้ มั่นใจว่าจะทำให้ประชาชนกลับมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์ได้มากกว่า 3.9ล้านเสียงแน่นอนเหมือนเช่นวันนี้ประชาชนอยากให้พรรคไปร่วมรัฐบาล เพราะเชื่อว่าหากร่วมรัฐบาลจะทำให้ช่วยกันปกป้องประเทศชาติและทุนสมานย์ได้ ส่วนจะขัดกับอุดมการณ์หรือไม่นั้น นายแพทย์วรงค์ ระบุว่า ใครตีความ และอุดมการณ์ไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อการทำประโยชน์ของประเทศและประชาชน