เพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์ให้เป็นไปตามเป้าหมายกรมฯจึงได้จัดงานแสดงสินค้า STYLE Bangkok (สไตล์ แบงค็อก) 2019 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าที่นำเสนอสินค้าไลฟ์สไตล์ได้แก่ กลุ่มสินค้าแฟชั่น เครื่องหนัง เฟอร์นิเจอร์ ของขวัญ ของใช้และของตกแต่งบ้านตลอดจนผลิตภัณฑ์สปา โดยในปีนี้ได้จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ CrenovativeOriginสะท้อนแนวคิดในการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ (Creative) นวัตกรรม (Innovation) และอัตลักษณ์ไทย (Original) เข้าไว้ด้วยกัน ชูจุดเด่นของสินค้าไลฟ์สไตล์ของผู้ประกอบการไทยที่มีการต่อยอดการพัฒนาผลงานอย่างสร้างสรรค์ ด้วยการผสมผสานภูมิปัญญากับนวัตกรรมอันทันสมัย เพื่อยกระดับสินค้าไลฟ์สไตล์ไทยสู่เวทีการค้าโลก
นอกจากนี้การจัดงานดังกล่าวยังตอบโจทย์กับนโยบาย"Local to Global" ที่มุ่งส่งเสริมผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มฐานรากไปสู่สากลเนื่องจาก กรมฯได้เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตรายเล็กได้มีโอกาสแสดงฝีมือการผลิตสินค้าที่ประณีตจากวัสดุท้องถิ่นอวดสู่สายตาผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ความสามารถพิเศษด้านความคิดสร้างสรรค์ที่อยู่ในดีเอ็นเอของคนไทยมาต่อยอดให้เกิดสินค้าและบริการที่แปลกใหม่ทันสมัย และมีอัตลักษณ์เฉพาะตัว
ด้าน นายนันทพงษ์จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กล่าวว่า ตลาดส่งออกสินค้าไลฟ์สไตล์ที่สำคัญของไทยที่ยังเติบโตไปได้นั้น เพราะสินค้าของไทยมีจุดเด่นเรื่องการออกแบบและมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ส่งออก 5 ประเภทยอดนิยมที่น่าสนใจในปี 2019 ประกอบด้วย
1. กลุ่มสินค้าของขวัญ ของฝาก ของที่ระลึกโดยเฉพาะตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ถือเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจกับสินค้าและผลิตภัณฑ์ของไทยเป็นอย่างมากด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะสินค้าที่ระลึกที่อยู่ในกลุ่มอาหารหรือ FoodGift เนื่องด้วยอัตลักษณ์ในด้านรสชาติความคิดสร้างสรรค์ การออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญหลักๆได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อินเดีย รวมถึงช่องทางการค้าออนไลน์ที่สามารถสั่งซื้อได้ง่ายสะดวก และรวดเร็ว
2. กลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เช่น บ้าน คอนโดมิเนียม โรงแรม ที่พักตากอากาศ ทั้งในไทยและต่างชาติที่ส่วนใหญ่ต้องมีการตกแต่งเพื่อดึงดูดใจผู้พักอาศัยและผู้ใช้บริการ สำหรับสินค้าที่ได้รับความนิยมจะอยู่ในกลุ่มเครื่องประดับตกแต่งบ้านที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยผลิตภัณฑ์ที่ทำจากไม้แกะสลัก เนื่องด้วยความมีเอกลักษณ์ ฝีมือที่เลียนแบบ ได้ยาก นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่ได้รับความนิยมไดแก่ สินค้าประเภทจิตรกรรมและประติมากรรม อาทิ ปูนปั้น ภาพวาด งานแกะสลักโดยตลาดส่งออกที่สำคัญ คือ CLMV และยุโรป
3. กลุ่มสินค้าของเล่น สินค้าของเล่นไทยส่วนใหญ่จะเน้นของเล่นเพื่อการศึกษาและเสริมทักษะ(Educational Toys)ที่เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่องและเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการความปลอดภัยในตัวสินค้าสูง ประกอบกับการพัฒนาด้านการออกแบบสินค้าที่มีทั้งความสร้างสรรค์ดีไซน์ที่ทันสมัย คุณภาพสินค้าที่ดีกว่าประเทศคู่แข่ง แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้สินค้าในกลุ่มของเล่นเติบโตได้ดียิ่งขึ้นคือการชูนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยเพื่อให้ดรับการยอมรับจากผู้บริโภคมากขึ้นทั้งนี้ ตลาดส่งออกที่สำคัญหลักๆสำหรับสินค้าของเล่นไทย ได้แก่ สหรัฐอเมริกาญี่ปุ่น และเยอรมนี โดยคาดว่าจะมีมูลค่า 234.53 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบจากปีก่อนที่5%
4. กลุ่มสินค้าเครื่องหนัง เครื่องนุ่มห่ม จุดแข็งสำคัญของไทยในการส่งออกสินค้าประเภทนี้คือ แรงงานที่มีฝีมือและทักษะสูง การออกแบบเริ่มมีมาตรฐานและมีความเป็นสากลมากขึ้นรวมถึงสินค้าได้รับการยอมรับด้านคุณภาพและฝีมือการตัดเย็บที่ประณีต และมีความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาและออกแบบสินค้าให้ตรงกับความต้องการของแต่ละตลาดโดยตลาดส่งออกที่สำคัญหลักๆ ได้แก่ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย
5. กลุ่มสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งนับเป็นสินค้าส่งออกหลักที่ได้รับความนิยมสูงสุดมาอย่างต่อเนื่อง โดยจุดแข็งสำคัญของไทยในการส่งออกอัญมณีคือ การมีความเข้าใจตลาดและเทรนด์ในตลาดโลกประกอบกับช่างไทยมีทักษะและฝีมือประณีตในการออกแบบและขึ้นรูปเครื่องประดับรวมถึงอัญมณีท้องถิ่นที่สร้างจุดขาย และเป็นที่จดจำอัตลักษณ์ในด้านการสร้างสตอรี่ที่เป็นที่น่าสนใจโดยมีตลาดส่งออกที่สำคัญหลักๆ ได้แก่ จีนและสหราชอาณาจักรที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดีภายในงาน STYLEBangkok 2019 NEA ยังได้มีการจัดสัมมนาเพื่อรับฟังกลยุทธ์และแนวโน้มการค้าการลงทุนกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ผ่านหัวข้อสัมมนาที่หลากหลาย อาทิ สัมมนาบุกจีนให้ดัง...ปังแบบแบรนด์ใหญ่ยุค 4.0 ด้วยสินค้าไลฟ์สไตล์ สัมมนาความสุข ความสมดุล ในการทำธุรกิจไลฟ์สไตล์ สัมมนาการบริหารงานธุรกิจสร้างสรรค์ให้มีความยั่งยืน ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีบริการให้คำปรึกษา Export Clinic เจาะลึกโอกาสตลาดต่างประเทศกับกูรูพาณิชย์โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ ณ ห้อง Amber 1-2 และSilk4 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
สำหรับผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจสามารถติดตามโครงการอบรมและสัมมนาดีดีได้ที่ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โทรศัพท์ 02507 7999 หรือ nea.ditp.go.th ,facebook.com/nea.ditp