svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ภูเก็ต พร้อมแจงบัวแก้ว-สถานทูตสหรัฐฯ กรณีเจ้าของสิ่งปลูกสร้างลอยน้ำ

18 เมษายน 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จังหวัดภูเก็ตพร้อมชี้แจงข้อมูลต่อกระทรวงการต่างประเทศ และสถานทูตสหรัฐฯ กรณีเจ้าของสิ่งปลูกสร้างลอยน้ำส่งข้อความถึงสถานทูตฯ เพื่อขอลี้ภัย อ้างถูกติดตามจากทางการไทย

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ทัพเรือภาคที่ 3 โดยศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เขต 3 (ศรชล. เขต 3 ) จัดเรือ ต.991  พร้อมชุดสหวิชาชีพ เข้าไปตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างลอยน้ำไม่ทราบสัญชาติ ซึ่งติดตั้งอยู่กลางทะเลห่างจากเกาะราชา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ไปประมาณ 12 ไมล์ทะเล หลังจากเวปไซค์โอเรียนบิลเดอร์ ได้รายงานความสำเร็จของ Chad Andrew Elwartowski และ Nadia Summergirl ในการสร้างที่พักตามแนวทางของกลุ่ม Seasteading  ซึ่งได้โฆษณาชักชวนให้ผู้ที่ชื่นชอบในแนวคิดดังกล่าว มาอาศัยอยู่เพื่อจัดตั้งชุมชน โดยมีเป้าหมายที่จะสถาปนาเป็นรัฐอิสระหรือเขตปกครองตนเองขึ้นในอนาคต แต่ไม่พบผู้อยู่อาศัยบนอาคารดังกล่าว แลทางนายทหารพระธรรมนูญ ทัพเรือภาคที่ 3 ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับบุคลที่มีการอ้างถึง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 กับพนักงานสอบสวน สภ.วิชิต เรียบร้อยแล้ว
เกี่ยวกับความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า หลังจากทัพเรือภาคที่ 3 โดยศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เขต 3 (ศรชล. เขต 3 ) ได้มีการตรวจสอบพบสิ่งปลูกสร้างไม่ทราบสัญชาติกลางทะเล ห่างจากเกาะราชาไปประมาณ 12 ไมล์ทะเล จากนั้นได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่ประกาศความสำเร็จของการก่อสร้างผ่านทางเวปไซด์ไว้ที่ สภ.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต โดยมีการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เบื้องต้น พบว่า เป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 119  เนื่องจากพื้นที่อาณาเขตประเทศไทยบางส่วนถูกรบกวนสิทธิจากกลุ่มคนดังกล่าว ส่วนการดำเนินคดีอื่นๆ นั้น ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและขยายผล โดยนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้อง ด้วยเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวไม่สามารถที่จะกระทำเพียงลำพังได้ เช่น สั่งการให้อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตตรวจสอบการขออนุญาตจัดตั้งโรงงาน ซึ่งพบว่าไม่มีการขออนุญาตจัดตั้งโรงงาน, สำนักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต ตรวจสอบการขออนุญาตจัดตั้งบริษัท กรณีมีการประกาศเชิญชวนผ่านทางเวปไซด์ให้ซื้อสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งไม่พบการจดทะเบียนบริษัทหรือการดำเนินการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเช่นกัน  การตรวจสอบที่ดินที่มีการจัดตั้งโรงงานหรืออู่ต่อเรือ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของทางสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง เป็นต้น ส่วนการดำเนินการกับสิ่งปลูกสร้างในทะเล จากการหารือร่วมกับทางทัพเรือภาคที่ 3 โดยอำนาจของ ศรชล.เขต 3 เพื่อกำหนดแนวทางในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว เนื่องจากถือเป็นวัตถุพยานในทางคดี ก็จะดำเนินการในเร็วๆ นี้ ตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
"จากการประชุมร่วมกับ ศรชล.เขต 3 ยืนยันว่า ทางการไทยสามารถดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ เพราะพบว่ามีการกระทำผิดแล้ว โดยการประกาศเชิญชวนพบว่ามีผู้สนใจที่จะเข้าร่วมแล้วประมาณ 14 ราย และหลังจากที่มีการแจ้งความทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี แต่พบว่า ขณะนี้ชายชาวต่างชาติดังกล่าวพยายามใช้โซเซียลในการส่งข้อความถึงสถานทูตสหรัฐอเมริกาและสื่อต่างประเทศว่าได้รับความเดือดร้อนจากการถูกติดตามตัวจากเจ้าหน้าที่ของไทยตามที่มีการนำเสนอข่าวอยู่ และจากประเด็นดังกล่าวก็จะได้มีการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศประจำภูเก็ต และการเตรียมข้อมูลชี้แจงกับทางสถานทูตสหรัฐฯ  หากมีการร้องขอเข้ามา และยืนยันว่าการติดตั้งวัตถุดังกล่าวอยู่ในอาณาเขตของประเทศไทย จึงมีอำนาจในการดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนความเชื่อมโยงเกี่ยวกับกรณีการหลอกลวงนั้นขณะนี้ในการตรวจสอบยังโยงไม่ถึง"
นายสุพจน์ ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของชายชาวต่างชาติและภรรยา ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด แต่เชื่อได้ว่าน่าจะยังอยู่ใน จ.ภูเก็ต โดยดูจากโพสต์ข้อความผ่านทางโซเซียล ขณะที่ประเด็นความผิดนอกจากความผิดตามมาตรา 119 แล้ว ในส่วนของประเด็นเบ็ดเตล็ดอื่นๆ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ รวมไปถึงการขยายผลไปยังผู้ให้การสนับสนุนที่ทำให้เกิดความผิด เบื้องต้นพบมีผู้เกี่ยวข้องทั้งที่เป็นคนไทยและต่างชาติ โดยพอทราบจะทราบตัวบุคคลแล้ว ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องในลักษณะการให้ใช้พื้นที่ในการก่อสร้าง แต่ก็ต้องสอบสวนดูว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นโดยเจตนาหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
พ.ต.อ.วีระวัฒน์ จันทรวิจิตร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการออกหมายจับนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งในทางกฎหมายก็ต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ชัดว่าความผิดดังกล่าวเกิดในราชอาณาจักรหรือไม่อย่างไร โดยมีการประสานกับทางอัยการจังหวัดอย่างใกล้ชิด และหากมีการรวบรวมพยานหลักฐานแล้วพบว่า เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ก็จะได้ทำหนังสือถึงอัยการสูงสุด เพื่ออนุมัติการสอบสวนตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้คาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการไม่นาน

logoline