svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าว

เทรนด์สุขภาพมาแรง 'แคนเดลา บิวตี้ ไทยแลนด์ ' ขยายตลาด CLMV ต่อยอดผลิตภัณฑ์ความงาม

22 มีนาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ฉัตรทิพย์ ญัติติพร เจ้าของแบรนด์ บริษัท แคนเดลา (ไทยแลนด์) เปิดเผยถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมเครื่องสำอางยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ จึงมองเห็นช่องว่างทางการตลาด ซึ่งยังมีพื้นที่เพียงพอสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้

โดยบอกถึงที่มาของการเริ่มต้นไอเดียในการสร้างธุรกิจว่าการที่ได้มีโอกาสไปเสริมความงามกับแพทย์ผิวหนัง ทำให้ได้รู้จักกับสารสกัดที่มีชื่อว่าDNA X จากปลาแซลมอลโดยที่ตนใช้แล้วรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีอีกทั้งยังได้รับคำชมจากผู้คนรอบข้างที่พบเห็น แนวคิดในการทำธุรกิจจึงก่อตัวขึ้นโดยการนำเข้าสารสกัดดังกล่าวมาจากประเทศญี่ปุ่น นำมาสกัดเป็นเซรั่มเพื่อจำหน่าย

 

สำหรับ DNA X ถือว่าเป็นสารสกัดที่มีราคาค่อนข้างสูงแต่เมื่อบริษัทสามารถนำมาบรรจุลงขวดขนาดเล็กได้ก็ทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น เสมือนเป็นการได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์โดยปรากฏว่า ผลตอบรับที่ได้กว่า 90% จากผู้ใช้จะกลับมาซื้อซํ้าและมีการบอกต่อกันไปแบบปากต่อปาก จนทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในล็อตแรกไม่พอจำหน่ายจึงต้องผลิตเพิ่มเป็นล็อตที่ใหญ่ขึ้น แบรนด์ "แคนเดลา ไทยแลนด์" (CANDELATHAILAND) จึงเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในที่สุด




สำหรับการทำตลาดของแบรนด์จะมุ่งเน้นบนช่องทางออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊กเป็นหลักเพราะมีต้นทุนที่ไม่สูง แต่มีประสิทธิภาพในการเจาะตลาดอย่างมาก อย่างไรก็ตามจากการเดินทางไปท่องเที่ยวยัง สปป.ลาวทำให้ได้มีโอกาสสัมผัสกับตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อความงามของลาวและเห็นว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจ ซึ่งมีกลุ่มผู้บริโภคเป็นจำนวนมากที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจึงมีการเจรจาทางธุรกิจกับร้านจำหน่ายเครื่องสำอางที่เป็นศูนย์ความงามเพื่อนำผลิตภัณฑ์เข้าไปวางจำหน่ายและมีตัวแทนจำหน่ายตามแขวงต่าง ๆ ของลาว

 

"กลยุทธ์การทำตลาดที่ลาวกับไทยบริษัทใช้รูปแบบเดียวกันผ่านทางออนไลน์ โดยการยิงโฆษณาเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี จากที่เริ่มออกผลิตภัณฑ์เดือน เม.ย. 2561สิ้นปีบริษัทมียอดรายได้อยู่ที่ประมาณ 4 ล้านบาท"

 

 

"ฉัตรทิพย์" กล่าวต่อไปอีกว่าเมื่อผลิตภัณฑ์ตัวแรกของบริษัทประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี บริษัทจึงได้ดำเนินการต่อยอดผลิตภัณฑ์ไปสู่ครีมกันแดด3 IN 1 โดยจะมีคุณสมบัติที่เป็นทั้งครีมกันแดดรองพื้น และแป้ง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่เร่งรีบ หรือ กลุ่มวัยทำงาน หรือพ่อค้าแม่ค้า เจ้าของกิจการ หรือ นักศึกษาที่ต้องการแนวใส ๆไม่ต้องแต่งหน้าเยอะมาก โดยมองว่า ตลาดเครื่องสำอางยังเติบโตและมีมูลค่าทางการตลาดที่สูงมาก

 



นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ควบคุมนํ้าหนัก 24IN 1 พร้อมรับประทาน โดยมีส่วนผสมของสารสกัดและสมุนไพร 24ชนิด เป็นส่วนประกอบ ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าแรกในตลาดที่มีส่วนผสมมากชนิดที่สุดและมีการใส่ส่วนผสมของแต่ละชนิดแบบเต็มเพดานเท่าที่จะใส่ได้ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนด ไม่ว่าจะเป็น คอลลาเจน, ไฟเบอร์,แอลคาร์นิทีน สำหรับเบิร์นเวลาที่ออกกำลังกายและที่สำคัญที่สร้างความแตกต่างในตลาด คือ การใช้ครีมเทียมจากนํ้ามันรำข้าวเนื่องจากหากเป็นครีมเทียมจากถั่วเหลืองอาจจะส่งผลต่อผู้ที่แพ้

 

 

"บริษัทตั้งใจทำให้เป็นเหมือนกาแฟเพื่อสุขภาพเนื่องจากตอนนี้กระแสเทรนด์สุขภาพมาแรงแต่กระแสของยาลดความอ้วนผู้บริโภคจะไม่นิยมรับประทานโดยตั้งใจจะขยายกลุ่มลูกค้าตั้งแต่วัยทำงานไปจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุเพราะกาแฟเป็นเครื่องดื่มที่กลุ่มผู้บริโภคดังกล่าวรับประทานยิ่งบริษัททำให้เป็นกาแฟเพื่อสุขภาพ ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้นโดยจุดเด่นของแบรนด์อยู่ที่สารสกัดจากผลการใช้จริง ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่เห็นผลจริงซึ่งได้รับการรับรองอย่างถูกต้องและปลอดภัย"

 

 

เน้นออนไลน์ พร้อมขยาย CLMV โดยการทำตลาดของทั้ง 2ผลิตภัณฑ์ จะเน้นช่องทางออนไลน์แบบเดิมประมาณ 80%ส่วนที่เหลือจะเป็นออฟไลน์ซึ่งบริษัทกำลังเจรจาทางธุรกิจกับร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางอยู่ประมาณ 2-3แห่ง เพื่อให้ได้ร้านที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากที่สุด และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์เช่นเดียวกับตลาดที่ลาว อย่างไรก็ดี บริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศ CLMVเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าและรายได้ โดยคาดว่าภายในระยะเวลา 2-3 ปี น่าจะเข้าไปทำตลาดได้ทั้งหมด

 

 

 

บริษัทจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำตลาดในประเทศไปสู่การเป็นระบบผู้ค้าแทนรูปแบบของตัวแทนจำหน่ายโดยอาจจะกำหนดให้มีผู้ค้าส่งรายใหญ่จังหวัดละ 1ราย เพื่อให้เป็นจุดกระจายผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนทางด้านขนส่งรวมถึงการควบคุมราคาไม่ให้มีการจำหน่ายตัดราคากันเองของผู้ค้าแต่ละราย

 



"จากกลยุทธ์การทำตลาดดังกล่าวเชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ประมาณ 20 ล้านบาทในปีนี้และมีเป้าหมายที่จะขยายให้ได้ถึง 100 ล้านบาท ภายใน 3 ปีตามกลยุทธ์การทำตลาดแบบเป็นขั้นตอน และการเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้น"

logoline