svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าว

บอร์ด JCK อนุมัติเพิ่มทุนแบบ General mandate 214 ล้านหุ้น

20 มีนาคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

บอร์ด JCK อนุมัติให้เพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป จำนวน 214.70 ล้านหุ้น กำหนดเสนอขายแก่บุคคลในวงจำกัด เพื่อนำไปรองรับการขยายการลงทุนในโครงการใหม่ เพิ่มสภาพคล่อง ลดภาระหนี้ สร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน ทำให้มีโอกาสเพิ่มความสามารถในการให้ผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นได้สูงขึ้น หนุนอนาคตสดใส

นายอภิชัยเตชะอุบลประธานกรรมการ บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JCK (เดิมชื่อ TFD) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการลดทุนจดทะเบียน จาก 3,324.20 ล้านบาท เป็น 2,554.76ล้านบาท โดยตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้จำหน่าย จำนวน 769.44 ล้านบาท มูลค่าตราไว้หุ้นละ 1 บาทและเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2,769.46 ล้านบาทโดยการออกหุ้นเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวน214,703,414 หุ้น เพื่อเสนอขายแก่บุคคลในวงจำกัด (PrivatePlacement) คาดว่าจะได้รับงานประมาณ 328.50 ล้านบาท

บอร์ด JCK อนุมัติเพิ่มทุนแบบ General mandate 214 ล้านหุ้น


วัตถุประสงค์การเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มความแข็งแกร่งของฐานะการเงินให้แก่บริษัทและช่วยลดภาระการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนทางการเงินที่ลดลงขณะเดียวกันทำให้บริษัทมีเงินทุนเพิ่มขึ้น สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการของบริษัทที่มีอยู่ในปัจจุบันและรองรับการขยายการลงทุนในอนาคตซึ่งส่งผลให้บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรและแนวโน้มผลการดำเนินงานมีทิศทางที่ดีขึ้นได้

ประธานกรรมการได้กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจปี 2562 คาดว่ารายได้จากการขายที่ดินจะเป็นปัจจัยหลักที่จะสร้างรายได้ และผลักดันผลประกอบการของบริษัทให้เติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาเพราะธุรกิจนิคมฯ มีอัตรากำไรค่อนข้างสูงและปัจจุบันมีลูกค้าที่สนใจซื้อที่ดินโครงการของบริษัทอยู่หลายรายทั้งผู้ประกอบการเดิมที่อยู่ในนิคมฯและลูกค้ารายใหม่ เนื่องจากโครงการของบริษัทเป็นนิคมฯ ที่ตั้งอยู่ในเขต EECประกอบมีโลเคชั่นที่ดี ติดขนานตลอดแนวถนนมอเตอร์เวย์เกือบ 4 กิโลเมตร และติดถนนบางปะกง-ฉะเชิงเทรา อีกทั้งเป็นนิคมฯ ในเขต EEC ที่ตั้งอยู่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุดทำให้ที่ดินของนิคมอุตสาหกรรมทีเอฟดีมีความน่าสนใจมากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าในปี2562 จะสามารถปิดยอดขายที่ดินในนิคมทีเอฟดี 2 ได้ไม่น้อยกว่า 200 ไร่ และยังได้รับอานิสงส์จากวิกฤตสงครามการค้าระหว่างจีนและอเมริกาทำให้มีลูกค้ารายใหม่หลายรายจากประเทศจีนที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจย้ายฐานการลงทุนมาไทยอีกจำนวนมาก สำหรับแผนขยายการลงทุนในอนาคตของธุรกิจนิคมฯนั้น บริษัทได้เข้าร่วมประมูลการลงทุนพัฒนาที่ดินราชพัสดุในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดนครพนม ซึ่งมีพื้นที่รวมประมาณ 1,363 ไร่ 2 งาน 17.1 วา กับกรมธนารักษ์ ซึ่งบริษัทเล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคตของภูมิภาคและสามารถพัฒนายกระดับพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์เนื่องจากจังหวัดนครพนมเป็นเส้นทางเชื่อมต่อประเทศในภูมิภาคอินโดจีน เช่น ลาวเวียดนาม กัมพูชา และเชื่อมต่อประเทศจีนตอนใต้ผ่านสะพานมิตรภาพ 3ที่สั้นและสะดวกที่สุด ประกอบกับพื้นที่โครงการตั้งติดกับเส้นทางรถไฟรางคู่ขอนแก่น (บ้านไผ่) นครพนมรวมทั้งยังสามารถพัฒนาเพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมแปรรูปต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่จะส่งเสริมการพัฒนาและลงทุนกระจายไปยังภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้รับการคัดเลือกเป็นผู้พัฒนาโครงการในครั้งนี้

ขณะที่ธุรกิจคลังสินค้าในประเทศอังกฤษปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาขาย Warehouseที่เหลืออยู่อีก 1 แห่งซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถขายและรับรู้รายได้ไม่เกินกลางปี 2562 โดยมีมูลค่าขายอยู่ประมาณ700-800 ล้านบาท ส่วนธุรกิจคลังสินค้าให้เช่าในไทยมีแนวโน้มที่ดี โดยคาดว่าในปี 2562 น่าจะปล่อยเช่าพื้นที่ได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า30,000 ตรม. เมื่อรวมกับพื้นที่เช่าปล่อยเดิมอีกประมาณ 32,000ตรม. ยอดรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 62,000 ตรม.

นอกจากนี้บริษัทมีนโยบายจะขายคลังสินค้าบางส่วน เข้าไปเป็นสินทรัพย์หลักของกอง REIT ซึ่งน่าจะมีขนาดเสนอขายไม่น้อยกว่า 2,000 2,500 ล้านบาท และคาดว่ารายได้ในส่วนนี้บริษัทจะรับรู้เข้ามาประมาณไตรมาส 4 ปี 2562 หรืออย่างช้าไม่เกินกลางปี 2563

logoline