(คลิปข่าว) ปส.เปิดปฏิบัติการ "เอ็กซเรย์เชียงดาว" จับกุมเครือข่ายค้ายา

นี่เป็นภาพที่ ชุดปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี ของตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดปฏิบัติการเอ็กสเรย์เชียงดาว นำกำลังเข้า ตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 189 หมู่ 8 ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นของนางหลี่ เลาจาง ผู้ต้องสงสัยที่ถูกซัดทอดจากขบวนการค้ายาเสพติด ว่านางหลี่ เป็นผู้สั่งการให้ขนยาเสพติด

จากการเข้าตรวจค้นบ้านพัก สามารถยึดทรัพย์สินเป็นบ้าน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ได้ และพบผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 3คน นอกจากนางหลี่ ยังมีลูกชาย และลูกสะไภ้ ซึ่งพบความเชื่อมโยงทางการเงินที่หมุนเวียนอยู่ในบัญชีของลูกชายนางหลี่หลายล้านบาท เจ้าหน้าที่ จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำ

โดยเบื้องต้น นางหลี่ยอมรับว่า อาศัยอยู่บ้านหลังนี้ ซึ่งสร้างมาแล้ว 3 ปี ปัจจุบันทำอาชีพเกษตรกรรายได้ปีละ 6 แสน - 8 แสนบาท โดยให้การปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด และปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นเรื่องเงินหมุนเวียนในบัญชีของลูกชายรวมหลายล้านบาท ทั้งนี้นางหลี่ ยอมรับว่า รู้จักนายบรรเทิง ผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่ถูกจับไปเมื่อปี 2561 ในฐานะแฟนใหม่ แต่ยืนยันไม่รู้เห็นเรื่องการค้ายาเสพติดของนายบรรเทิง พร้อมกันนี้

และการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจปราบปรามยาเสพติดขยายผลจากกรณีที่ นางหลี่ถูกจับเป็นตัวประกันและเรียกค่าไถ่ จำนวน 25 ล้านบาท เมื่อปี 2561 เนื่องจากกลุ่มนางหลี่ มีการหักหลัง เรื่องเงินค่าดำเนินการเกี่ยวกับยาเสพติด จากนั้น ตำรวจจึงสืบสวนขยายผล จนทราบว่า นางหลี่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย และพื้นที่ภาคเหนือในจังหวัดอื่น และทำหน้าที่เกี่ยวกับการโอนเงินยาเสพติด และการขนส่งยาเสพติดกระจายลงไปยังกรุงเทพมหานคร พื้นที่ภาคใต้ และออกสู่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีการทำในลักษณะเครือญาติ รวมถึงถูกซัดทอดจากผู้ต้องหาค้า ยาเสพติดที่ถูกจับกุมเมื่อปี 2558 ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายค้น ก่อนนำกำลังเข้าตรวจค้นดังกล่าว และหลังจากนี้เตรียมขออำนาจศาลออกหมายจับนางหลี่ต่อไป เพราะมีหลักฐานเส้นทางการเงิน และหลักฐานอื่นๆมัดตัวอย่างชัดเจน
สำหรับกลุ่มของนางหลี่ที่เข้าจับกุมครั้งนี้ เป็นหนึ่งในกลุ่มที่เชื่อมโยงหับเครือข่ายแก๊งค์มันทุกเม็ด เพราะหลุ่มของนางหลี่ ทำหน้าที่ลำเลียงยาเสพติดล็อตใหญ่ ส่งต่อไปกระจายตามชุมชน รายย่อย ซึ่งก็คือหลุ่มของแก๊งค์มะนทุกเม็ดด้วย และปฏิบัติการครั้งนี้ ถือเป็นการตัดวงจร เพื่อให้การทำงานในการขนยา สะดุด และไม่สามารถเดินต่อได้