svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าว

"ปั่นไปไม่ทิ้งกัน ปี 2"ก้าวสู่วันที่ 2 "สมุทรปราการ-ชลบุรี" ระยะทาง 98 กิโลเมตร

11 กุมภาพันธ์ 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ปั่นไปไม่ทิ้งกัน No One Left Behind ปี 2" วันที่ 2 เริ่มปล่อยตัวจากหอชมเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ เวลา 8.00 น. โดยมีนายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ผู้แทนภาคเอกชน และประชาชน ร่วมพิธีปล่อยขบวนนักปั่นผู้พิการทางสายตาและนักปั่นจิตอาสา จำนวนกว่า 40 ชีวิต เพื่อเดินทางต่อไปยังจังหวัดชลบุรี


พิธีปล่อยตัวในช่วงเช้าเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนและนักปั่นจากกลุ่มและชมรมต่างๆในจังหวัดสมุทรปราการ มาร่วมงานกันอย่างคับคั่งกว่า 200 คน ขณะเดียวกันได้มีการรับมอบเงินบริจาคจากน้ำใจของชาวสมุทรปราการเป็นจำนวนเงิน 129,004 (หนึ่งแสนสองหมื่นเก้าพันสี่บาท) โดยมีนายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เป็นตัวแทนส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าว เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ให้แล้วเสร็จ ซึ่งจะเป็นต้นแบบศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอย่างครบวงจรระดับภูมิภาค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้กับผู้พิการ

นางสาวชนัญภรณ์ จันทะวัน ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมปั่นไปไม่ทิ้งกัน ปี 2 และภูมิใจที่ได้เห็นธารน้ำใจจากพี่น้องชาวจังหวัดสมุทรปราการที่ช่วยกันคนละไม้คนละมือ บริจาคเงินสนับสนุนในโครงการนี้

"ปัจจุบันมีผู้พิการชาวจังหวัดสมุทรปราการในทะเบียนราษฎร์กว่า 17,000 คน และมีผู้พิการที่ตกหล่นไม่ได้มาขึ้นทะเบียนอีกกว่า 13,000 คน อยากวิงวอนภาครัฐให้โอกาสคนพิการ ส่งเสริมช่วยเหลือด้านอาชีพ ขณะเดียวกันก็อยากให้คนในสังคมมีเจตคติที่ดีต่อคนพิการด้วย"

สำหรับเส้นทางการปั่นจักรยานของวันที่สอง เริ่มออกตัวจากหอชมเมืองสมุทรปราการ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ โดยใช้ถนนสุขุมวิท จากนั้นแวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ณ สถานตากอากาศบางปู และเยี่ยมชมศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดสมุทรปราการ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ก่อนพักรับประทานอาหารกลางวันที่วัดแสมขาวเจริญราษฎร์ อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ขณะนี้คณะนักปั่นกำลังมุ่งหน้าสู่หาดบางแสน ตำบลแสนสุข จังหวัดชลบุรี รวมระยะทางทั้งสิ้น 98 กิโลเมตร โดยคาดว่าจะถึงจุดหมายในเวลา 16.00 น.

สภาพอากาศของวันนี้ ช่วงเช้าเย็นสบาย เมฆครึ้ม ไร้แสงแดด ทว่าช่วงสายจรดบ่ายอากาศค่อนข้างร้อนจัด เนื่องจากเส้นทางที่ผ่านล้วนเป็นเมืองชายทะเล บรรยากาศสองข้างทางเป็นป่าชายเลน เต็มไปด้วยป่าแสมและป่าโกงกาง สีหน้านักปั่นส่วนใหญ่ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส ท่าทางกระฉับกระเฉง แม้จะดูเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าบ้างในช่วงท้ายๆ โชคดีมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และรถกู้ภัยฉุกเฉินของเทศบาลนครสมุทรปราการ คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจรตลอดเส้นทาง

อย่างไรก็ตาม วันนี้คณะนักปั่นได้ตั้ง "กลุ่มปั่นพุ่ม" หรือกลุ่มตั้งต้นผ้าป่า จำนวนกว่า 30 คัน แยกย้ายออกไปตามจุดต่างๆ เช่น ตลาดปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ตลาดน้ำคลองสวน 100 ปี อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อระดมทุนและรณรงค์สิทธิคนพิการ ท่ามกลางประชาชนที่เข้ามาให้กำลังใจกันอย่างอบอุ่น พร้อมทั้งมอบเงินสด น้ำดื่ม ขนมกันไม่ขาดสาย โดยยอดเงินบริจาคจากช่องทางต่างๆ ที่ได้รับทั้งสิ้น ณ ขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 3,000,000 บาท (สามล้านบาท)

สำหรับเส้นทางปั่นจักรยานในวันพรุ่งนี้ (วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2562) ซึ่งเป็นวันที่ 3 จะเริ่มต้นที่แหลมแท่น หาดบางแสน จังหวัดชลบุรี โดยมีจุดหมายที่อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ซึ่งเส้นทางจะเริ่มมีความยากลำบากและท้าทายคณะนักปั่นจักรยานเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเส้นทางจะเริ่มเป็นเนินยาว บวกกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว ระยะทางทั้งสิ้น 135 กิโลเมตร

โครงการปั่นไปไม่ทิ้งกัน No One Left Behind ปี 2 ถือเป็นครั้งที่สองของประเทศไทย ที่ผู้พิการตาบอดจำนวน 20 ชีวิต ร่วมกับนักปั่นจิตอาสาปั่นนำอีก 20 ชีวิต จะรวมพลังสามัคคีปั่นจักรยานเป็นระยะทางรวมกว่า 1,500 กิโลเมตร 14 วัน 15 จังหวัด ระหว่างวันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ถึงวันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 โดยเริ่มต้นจากกรุงเทพมหานคร ผ่านจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด จังหวัดสระแก้ว จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสระบุรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดนครปฐม เพื่อหาทุนสนับสนุนการก่อสร้าง ศูนย์ฝึกอาชีพคนพิการอาเซียน ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ความมุ่งหวังที่จะสร้างงานสร้างอาชีพให้ผู้พิการอย่างยั่งยืน และยังเป็นการสานต่องานที่ "พ่อ" ทำ ด้วยการเปลี่ยน "ภาระ" ให้กลายเป็นอีกหนึ่ง "พลัง" ในการพัฒนาและสร้างสรรค์สังคม

logoline