svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

"พล.ต.อ. สมยศ"... เวลาที่เหลือ

21 มกราคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นับจากกุมภาพันธ์ 2559 ต่อเนื่องจนถึง กุมภาพันธ์ 2562 คือปีที่ 3 กับการทำหน้าที่นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เป็น 3 ปี ของหลายสิ่งหลายอย่าง ที่เกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลไทย อย่างมีสีสัน นับจากอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผันตัวเองมาชิงเก้าอี้นายกสมาคมกีฬา ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสมาคมที่ทรงอิทธิพลสูงสุด

ต้องยอมรับโดยดุษฏีครับ ว่าด้วยสไตล์การบริหารของ ท่านนายกสมาคมฟุตบอล ที่ชื่อพล.ต.อ.สมยศ นับจากวันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง จนจะครบ 3 ปี เมื่อเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์นี้ ถ้าเป็นหนังโรงก็ถือว่า บู๊ ล้างผลาญ โรแมนติด ดราม่า ครบเครื่อง และในมุมของบู๊ ล้างผลาญ นั่นอาจจะเป็นเพราะสไตล์ของ พล.ต.อ.สมยศ คือ การอยู่กับระบบราชการมายาวนาน ที่สามารถสั่งซ้ายหัน ขวาหัน ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ดังนั้นเมื่อเข้ามาทำหน้าที่ ประมุขสูงสุด ของสมาคมลูกหนัง จึงได้เห็นการบริหารจัดการองค์กรแบบพลิกฝ่ามือ ทั้งกับระบบฟุตบอลทีมชาติ ที่ยกเลิกตำแหน่งผู้จัดการทีม การเปิดรับสมัครเฮดโค้ชฟุตบอลทีมชาติไทย ที่สร้างปรากฏการณ์เฮดโค้ชต่างชาติพากันมาสมัคร เพื่อชิงตำแหน่งนี้ หรือการจัดการองค์กร ที่มีการรื้อระบบบริการจัดการสิทธิประโยชน์ เพื่อให้สมาคมกีฬาฟุตบอล ได้รับผลตอบแทน ที่เกิดประโยชน์สูงสุด ต่อเนื่องไปจนถึงทลายขบวนการล้มบอล

"พล.ต.อ. สมยศ"... เวลาที่เหลือ


สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากฝีมือของพล.ต.อ. สมยศ ในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล แต่ฟุตบอล ก็คือฟุตบอลครับ สิ่งที่แฟนบอลคาดหวังมากกว่า ไม่ใช่ผลงานที่มาจากการบริหาร/จัดการ แต่สิ่งที่ถูกโฟกัสมากที่สุด คือผลงานของฟุตบอลทีมชาติไทย ที่เปรียบเสมือนศูนย์รวมความศรัทธา ของแฟนบอลที่มีต่อสมาคมกีฬาฟุตบอล เมื่อผลงานของ"ช้างศึก" อยู่ในภาวะขาลง จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่กระแสทุกอย่าง จะพุ่งตรงไปที่นายกสมาคมกีฬาฟุตบอล และ พล.ต.อ.สมยศ ก็ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง แบบเต็มๆ ในวาระขึ้นสู่ปีที่ 3 เมื่อฟุตบอลไทย ไปเสียหลักกับเกมแรกในทัวร์นาเม้นท์เอเชียนคัพ ที่แพ้อินเดียไป 4-1 แรงเหวี่ยงจากแฟนบอล ทั้งคำว่า " อาย " ผบ.ตร.ไซด์ไลน์ จึงเป็นคำถามที่สะท้อนกลับไปถึง พล.ต.อ. สมยศ ว่าเหมาะหรือไม่ที่จะอยู่ในตำแหน่งนี้ ทั้งยังเห็นว่าควรแสดงความรับผิดชอบลาออกจากตำแหน่ง

"พล.ต.อ. สมยศ"... เวลาที่เหลือ

อย่างไรก็ดี การลงมือ ปลดโค้ช มิโลวาน ราเยวัช ออก และแต่งตั้ง "โค้ชโต่ย" ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย เข้ามารับช่วงต่อกับการคุมทัพ รวมไปถึงการแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการ"ขออภัย .... ในสิ่งที่เคยก้าวล่วง ต่อแฟนบอล" นั่นก็ทำให้กระแส ขับไล่ พล.ต.อ.สมยศ ถูกลดทอนลงไปในที่สุด และ 1 ปี จากนี้ไป ที่จะไปสิ้นสุด วาระการบริหารงานสมาคมกีฬาฟุตบอล ในปีหน้า ( 2563 ) ก็น่าสนใจครับว่า พล.ต.อ. สมยศ จะทำอย่างไร ให้ฟุตบอลทีมชาติไทย กลับมาอยู่ในเส้นทางของความภาคภูมิใจ แบบเชิดหน้าชูตาได้ คงไม่ต้องรอให้ถึงปี 2030 ตามที่ท่านเคยประกาศเอาไว้ ว่าฟุตบอลไทยจะได้ไปฟุตบอลโลก เพราะแฟนบอลคงไม่เต็มใจ ที่จะรอคอยเห็นความสำเร็จที่ยาวนานแบบนั้น ครับ


logoline