svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ข่าว

นักธุรกิจโวย4แบงก์ปล่อยโกงเช็ค7.9ล.บ.

17 มกราคม 2562
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เชียงใหม่ - เจ้าของร้านขายเครื่องสำอางชื่อดังของจ.เชียงใหม่ ประกาศเตรียมเดินหน้าร้องทุกข์และฟ้องร้องธนาคารต่างๆที่เกี่ยวข้อง หลังปล่อยให้อดีตสาวนักบัญชีของบริษัทที่ปลอมแปลงลายเซ็นบนเช็ค63 ฉบับจนทำให้เกิดเสียหายกว่า 7,910,000 บาท คาดพนักงานแบงก์อาจมีเอี่ยวด้วย

วันที่ 17 มกราคม 2562 นายอามิตร จาวลา อายุ 33 ปี เจ้าของร้านวิน คอสเมติก ซึ่งเป็นร้านขายเครื่องสำอางชื่อดังของจ.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์เนชั่นทีวีหลังจากได้โพสต์ผ่านเฟสบุ๊คชื่อ "อามิตร จาวลา" ถึงพฤติกรรมของอดีตพนักงานบัญชีของบริษัท ที่ปลอมลายเซ็นบนเช็ค และมีการขีดฆ่าแก้ชื่อผู้รับเงินเป็นชื่อตนเอง โดยปลอมแปลงไปทั้งหมด 63 ฉบับ รวมมูลค่าความเสียหาย 7,910,000 บาท

นักธุรกิจโวย4แบงก์ปล่อยโกงเช็ค7.9ล.บ.


โดยนายอามิตร จาวลา เปิดเผยว่า การปลอมแปลงครั้งนี้แบ่งเป็น 4 ธนาคาร คือ 1.ธนาคารสีน้ำเงิน จำนวน 36 ฉบับ เป็นเงิน 6,500,000 บาท 2.ธนาคารสีฟ้า จำนวน 18 ฉบับ เป็นเงิน 990,000 บาท 3.ธนาคารสีเขียว จำนวน 8 ฉบับ เป็นเงิน 240,000 บาท และ4.ธนาคารสีม่วง จำนวน 1 ฉบับ เป็นเงิน 180,000 บาท รวมทั้งหมดเป็นเงินมูลค่า 7,910,000 บาท

สำหรับพฤติกรรมของอดีตพนักงานบัญชีรายนี้ จะมีหน้าที่นำเช็คที่บริษัทสั่งจ่ายให้กับคู่ค้าทางธุรกิจไปส่งที่ธนาคาร โดยทำมาตั้งแต่ปี 2560 แต่ก่อนที่จะนำเช็คส่งธนาคารพนักงานบัญชีรายนี้ได้มีการใช้ปากกาขีดฆ่าชื่อผู้รับเงิน ซึ่งเป็นชื่อบริษัทคู่ค้าธุรกิจ แล้วเขียนชื่อตนเองและคนในครอบครัวลงไปแทน พร้อมกับปลอมลายเซ็นตน เพื่อยืนยันว่าตนเป็นคนแก้ข้อมูลบนเช็คจริง หลังจากนั้นถึงจะนำส่งให้ธนาคาร ทำให้เงินที่สั่งจ่ายโอนเข้าสู่บัญชีของอดีตพนักงานบัญชีรายนี้จนเมื่อประมาณวันที่ 20 กันยายน 2561ที่ผ่านมาอดีตพนักงานรายนี้ได้ลาออก และไม่มาทำงาน ประกอบกับทางบริษัทคู่ค้าได้โทรศัพท์มาทวงถามถึงการชำระเงิน ตนจึงมีการตรวจสอบพบว่าการสั่งจ่ายเช็คออกจากบริษัทนั้นเป็นไปด้วยความปกติมีหลักฐานเป็นสำเนาเช็คยืนยัน ตนจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่ธนาคาร จึงพบว่าเช็คได้มีการขีดฆ่าชื่อผู้รับเงินและปลอมลายเซ็นตน จึงได้เกิดเรื่องราวขึ้น

นักธุรกิจโวย4แบงก์ปล่อยโกงเช็ค7.9ล.บ.


หลังจากนั้นตนได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการรวบรวมหลักฐานต่างๆ และได้ขอหมายศาลจับกุมอดีตพนักงานบัญชีรายนี้ โดยอดีตพนักงานบัญชีรายนี้ได้ยอมรับว่ากระทำผิดจริง แต่ก็ได้ขอประกันตัวมาสู้คดี และจากการสอบถามถึงเงินที่ถูกโกงเช็คไปพบว่าไม่เหลือแล้ว จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของอดีตพนักงานบัญชีรายนี้โดยตำรวจพบว่า ในวันที่มีเงินเข้าจะมีการกระจายเงินออกไปที่บัญชีอื่นๆ ที่ให้สามีและลูกชายเปิดเอาไว้ และจะมีการกดเงินสดออกไปในวันนั้นเลย ทำให้จะไม่มีเงินหลงเหลืออยู่ในบัญชีเลย และทางตำรวจก็ได้มีการสืบทราบว่ามีการโอนเงินไปให้พนักงานธนาคารอีกด้วย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน

"ผมอยากจะเรียกร้อง คือทางธนาคารควรจะมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ เพราะว่าจุดนี้ก็เกิดจากความผิดพลาดของธนาคารด้วย ที่ไม่ได้มีการตรวจสอบความถูกต้องของเช็ค หรือสอบถามกลับมายังเจ้าของบัญชีสั่งจ่ายว่ามีการได้ขีดฆ่าแก้ไขชื่อจริงหรือไม่ เพราะจากการที่ดูหน้าเช็คแล้ว ลายเซ็นก็ไม่เหมือนของตน ตัวหนังสือที่เขียนลงแทนที่ขีดฆ่าก็ไม่เหมือน ตนได้ใช้ปากกาสีดำเขียนและเซ็นชื่อ แต่ที่เขียนใหม่เป็นปากกาลูกลื่น ซึ่งดูผิวเผินก็รู้ว่ามีความผิดปกติ" นายอามิตร กล่าว

นายอามิตร กล่าวอีกว่า ตอนนี้อยากจะถามว่าทำไมธนาคารถึงได้เพิกเฉยจนมีการโกงเช็คไปถึง 63 ฉบับ ถ้าทางธนาคารมีการเอะใจหรือสงสัยตั้งแต่เช็คใบแรก แล้วโทรกลับมาสอบถามตนก็คงไม่เกินเรื่องขนาดนี้ ก็อาจสามารถจับอดีตพนักงานคนนี้ได้ตั้งแต่ตอนที่ปลอมครั้งแรก แต่กลับไม่มีการตรวจสอบและเช็คแต่ละใบผ่านกระบวนการของธนาคารไปโดยง่ายดาย ทำให้สร้างความเสียหายแก่ตนเองเป็นจำนวนมาก และหลังจากเกิดเรื่องตนเองก็ทำทุกอย่างแจ้งความเอง วิ่งเต้นดำเนินการเอง โดยที่ทางธนาคารไม่มาช่วยเหลือเลย แม้กระทั่งผู้จัดการสาขาธนาคารบางแห่งไม่สนใจในเรื่องราวของตนด้วยซ้ำ แม้กระทั่งในด้านคดีความก็ไม่ได้มีการส่งเอกสารต่างๆให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถทำงานต่อได้ทำให้เกิดความล่าช้าออกไปอีก ตนจึงลำบากใจและเครียดจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน

"ต่อจากนี้ไปผมจะเรียกร้องเหมือนกับจะไปเคาะประตูบ้านธนาคารต่างๆทุกวัน และระหว่างเรียกร้อง ก็จะดำเนินการฟ้องร้องทางกฎหมายกับทางธนาคารไปด้วย เพื่อให้ธนาคารชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นและไปฟ้องไล่เก็บคืนจากผู้กระทำผิดเอง เพื่อกดดันให้จัดการแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้น" นายอามิตร กล่าว

logoline