พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ของพรรคเพื่อไทย ที่ร่วมลงพื้นที่เพื่อแนะนำตัวและสอบถามปัญหากับประชาชนในพื้นที่ นำโดย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ อดีต ส.ส.เขตมีนบุรี พรรค พท. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีตส.ส.เขตคลองสามวา และนายวิตต์ ก้องธรนินทร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตสะพานสูง และได้ร่วมกันทำบุญตักบาตรทางเรือ ที่ท่าน้ำคลองแสนแสบ ก่อนที่เริ่มจัดกิจกรรม "พรรคเพื่อไทยพบประชาชนพร้อมรับฟังปัญหา" ซึ่งก็มีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมนี้กับทางพรรคเพื่อไทย ราว 100 คน
หลังจากนั้น ในเวลา 10.30 น.จึงเดินทางมาถึงยังเขตสะพานสูง ที่หมู่บ้านเคหะธานี 4 เพื่อมาพบปะแกนนำพรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่ง ทั้งยังลงพื้นที่หาเสียงพร้อมแนะนำ นายวิตต์ ก้องธรนินทร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตสะพานสูง กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่เขตสะพานสูง อ้อนขอคะแนนเสียงไม่ว่าเลือกใครในพรรค ตนก็ร่วมดูแลด้วย
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังย้ำว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องยุทธศาสตร์ว่าจะเลือกอยู่ฝั่งประชาธิปไตยหรือฝั่งไหน เขามี ส.ว. แต่งตั้งรออยู่แล้ว 250 คน "ถ้าออกไปเลือกตั้งน้อยลุงอยู่ต่อแน่นอน" พร้อมอวยพรปีใหม่ก่อนถ่ายรูปร่วมกับประชาชน
พร้อมกัันนี้คุณหญิงสุดารัตน์ ยังได้กล่าวถึงเรื่องของปัญหาด้านเศรษฐกิจเป็นสำคัญว่า "จะต้องกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ เศรษฐกิจแย่ลงต้องสร้างศักยภาพให้คนตัวเล็ก คนตัวเล็กในเมือง ก็คือ คนรุ่นใหม่ เด็กจบใหม่ คนที่ทำมาค้าขาย SME คนตัวเล็กในต่างจังหวัด คือ เกษตรกร สองกลุ่มนี้คือคนส่วนใหญ่ของประเทศ ถ้าสองกลุ่มนี้มีเงินพอจับจ่ายใช้สอย จะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจและเศรษฐกิจจะเทิร์นเงินได้หลายๆ รอบ จากหนึ่งร้อยจะเป็นห้าร้อยบาท จากหนึ่งพันก็จะกลายเป็นห้าพันบาท"
เนื่องจากการลงพื้นที่ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ตนพบว่ามีปัญหาอยู่สามเรื่อง คือ เรื่องของเศรษฐกิจ ที่ประชาชนยากจนลง มีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น แม้จะมีการอัดงบประมาณลงไปในระดับรากหญ้าแล้ว แต่ก็ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เรื่องของปัญหาบัตรสิบบาท เกี่ยวกับเรื่องของคุณภาพการรักษาพยาบาล และเรื่องที่สามก็คือ เรื่องของสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ที่ยังเกิดขึ้นในกรุงเทพรอบนอกแบบนี้ โดยพรรคพท.ให้ความมั่นใจว่าจากประสบการณ์ของพรรค 17 ปี แม้จะถูกยุบพรรค รวมถึงประสบการณ์ของคนทำงาน จะทำให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าจะมีคนทำงานที่สามารถแก้ไขปัญหาได้
เมื่อถามถึงการเปิดตัวนโยบายของพรรคพท. คุณหญิงสุดารัตน์ ได้กล่าวว่า เรามีแผนงานของเรา โดยพรรคได้เปิดตัวแคมเปญแรกไปเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2561 และขณะนี้ยังคงดำเนินการในแคมเปญนี้อยู่ เพื่อชี้ให้เห็นว่าจากการบริหารงาน 4-5 ปีที่ผ่านมา ปัญหาของประชาชนในเวลานี้มีความยากลำบากอย่างไร โดยเป็นแคมเปญที่เราชี้ให้เห็นว่าประเทศ กำลังเดินเข้าสู่ความล้าหลัง ความล้มเหลว ความยากจน และความสิ้นหวัง จากสี่ห้าปีที่มีการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ จากสี่ห้าปีที่ไม่เข้าใจปัญหาและแก้ไขปัญหาไม่เป็น จึงทำให้เหตุการณ์หนักลงไปหมด ย้ำอยากให้ประชาชนยืนอยู่บนขาของตัวเองได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ เรายังผลักดันให้เกิดการคว้าโอกาสในโลกยุคใหม่มาให้แก่คนไทย โดยหลังจากนี้ เฟสต่อไปเราจะบอกว่าพรรคพท.จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไร
และเมื่อถามว่าจะส่ง ส.ส.ลงครบทั้ง 350 เขตหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ ตอบว่า จะพยายามส่งให้ได้มากที่สุดเท่าที่เรามีความพร้อม พร้อมบอกว่า " เราหนีความจริงไม่พ้น เพราะว่าหลักเกณฑ์กติกาก็ออกมาแบบนี้ แต่ก่อนนี้เราสามารถสร้างบ้านหลังโตมีห้องอยู่ร้อยห้องได้ แต่ก็มาออกหลักเกณฑ์ใหม่บอกว่า วันนี้คุณห้ามสร้างบ้านเกินห้าสิบห้อง เพราะฉะนั้นอีกห้าสิบคนที่เคยอยู่เนี่ย ก็ไม่มีที่อยู่ ก็ต้องแยกย้ายกันออกไปเป็นพรรคนู้น พรรคนี้ ซึ่งถ้าออกไปแล้วอยู่ในฝั่งประชาธิปไตย แล้วไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช. เราก็ต้องถือว่าเป็นมิตรกัน และบางพื้นที่ที่ออกไปแล้วหาคนไม่ทัน ก็ถือว่าอย่างน้อยๆ ก็มีคนที่คิดอยู่ในฝั่งประชาธิปไตยเหมือนกัน "
ก่อนจะออกเดินทางไปพบปะประชาชนในพื้นที่อื่นๆต่อในช่วงบ่าย คุณหญิงสุดารัตน์และคณะแวะพบปะประชาชน และรับประทานอาหารเที่ยงที่ห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ แล้วเดินทางไปพบปะกับประชาชนในเขตหนองจอก และเขตลาดกระบังต่อไป ทั้งยังมีแพลนจะเดินทักทาย พร้อมร่วมออกกำลังกายกับประชาชนที่สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เขตลาดกระบัง ในช่วงเย็นวันนี้ด้วย