"แม้สมัยรัฐบาลผมก็เคยมีอำนาจเต็ม แต่ผมได้ให้รัฐมนตรีลาออกเพื่อไปทำการเลือกตั้ง อีกทั้งนโยบายที่ออกมาในตอนนี้ชัดเจนว่าหวังผลเพื่อการเลือกตั้ง เช่นกรณีที่เป็นข่าวเรื่องการนำบัตรคนจนไปผูกกับการสมัครสมาชิกพรรค เป็นเรื่องที่ผมก็ได้รับรายงานมาก่อนหน้านี้แล้วในหลายพื้นที่ แต่ไม่มีพยานหลักฐาน จนกระทั่งมีคลิปของประชาชนออกมายืนยัน เราหวังว่ากกต.ต้องจริงจังรวมทั้งในกรณีการระดมทุนด้วย"
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า การโกงการเลือกตั้งอย่างเป็นระบบจะทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นที่ยอมรับกับทุกฝ่าย กกต.จะต้องไม่ทำให้มันเกิดขึ้น คนอื่นทำไม่ได้ จะต้องกกต.เท่านั้น และกกต.ต้องไม่กลัวม.44
"แต่ก็ขอขอบคุณที่ยังยอมฟังเสียงประชาชนเรื่องบัตรเลือกที่กล้าหาญ ส่วนปัญหาความวุ่นวายเรื่องบัตรเลือกตั้งในการเลือกตั้งปี44 กับปี48 เรานับคะแนนที่ส่วนกลาง บัตรจึงหายระหว่างทางได้ง่าย แต่เที่ยวนี้กฎหมายกำหนดให้นับที่หน่วยถือว่ายังดีขึ้นมา เพราะยังมีผู้สังเกตการณ์อยู่ ส่วนเรื่องปลอมบัตรก็แล้วแต่มุมมอง แต่ส่วนตัวคิดว่าหากจะโกงบัตรเลือกตั้งก็ต้องโกงทุกเขต"
เมื่อถามว่าทุกคนล้วนกลัวม.44ของรัฐบาล เพราะดูเหมือนว่าจะเหนือกว่ารัฐธรรมนูญ แล้วจะหวังให้กกต.ไม่เกรงกลัวอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากหวังว่าจะทำผิดหรือละเว้น แล้วใช้ม.44 คุ้มครอง ไม่แน่ใจว่าจะคุ้มครองจากสังคมได้หรือไม่ คุณจะคุ้มครองทางกฎหมายอย่างเดียวแล้วไม่อยากได้การคุ้มครองจากสังคมเลยใช่หรือไม่ และถ้ากลัวว่าไปทำอะไรผิดสิ่งที่ทำผิดไม่ได้รับการคุ้มครอง ดังนั้นต้องกล้าหาญในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในตอนท้ายว่า ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการทำแบบสุจริต ความสุจริตจะคุ้มครองทุกอย่าง ถ้าสุจริตแล้วจะถูกกลั่นแกล้ง คิดว่าอนาคตของผู้นั้นก็ยังจะสดใสกว่าความกลัวที่จะนำไปสู่ความผิดที่จะยังติดตัวตลอดไป