svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ปตท.สผ. ตั้งงบ 3,256 ล้านดอลลาร์ ลงทุนปี 62

18 ธันวาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ปตท.สผ. ตั้งงบลงทุนปี 2562 วงเงิน 3,256 ล้านดอลลาร์ เน้นรักษากำลังการผลิตและเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียม พร้อมขยายโอกาสทางธุรกิจ เพื่อการเติบโตในระยะยาว


บริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เผยแผนการลงทุนปี 2562และแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 2562-2566) เน้นให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มปริมาณสำรองและปริมาณการผลิตในอนาคต พร้อมเปิดทางสำหรับโอกาสทางธุรกิจใหม่เพื่อรองรับกับการเติบโตอย่างยั่งยืน



นายพงศธรทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ปตท.สผ.ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ไว้ที่ 3,256 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(สรอ.) (เทียบเท่า 107,453 ล้านบาท) โดยแบ่งเป็นรายจ่ายลงทุน (Capital Expenditure หรือ CAPEX) จำนวน1,840 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 60,721 ล้านบาท) และรายจ่ายดำเนินงาน (Operating Expenditure หรือ OPEX) จำนวน 1,416 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 46,732 ล้านบาท) ด้วยเป้าหมายปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยที่318,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ภายใต้การควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง




เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการรักษาปริมาณการผลิตบริษัทได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนจำนวน 1,159ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 38,247 ล้านบาท) ในโครงการผลิตหลักในประเทศไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์(เมียนมาร์) ได้แก่ โครงการเอส 1โครงการบงกช โครงการอาทิตย์ โครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียและโครงการซอติก้า และจัดสรรรายจ่ายลงทุนจำนวน 490ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 16,170 ล้านบาท) ในการผลักดันการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของโครงการที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาได้แก่ โครงการโมซัมบิก  โรวูมา ออฟชอร์แอเรีย วัน โครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ โครงการเวียดนาม บี และ 48/95และเวียดนาม 52/97 และโครงการคอนแทร็ค 4 (แหล่งอุบล) ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณสำรองและการผลิตในอนาคตนอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับกิจกรรมสำรวจโครงการในเมียนมาร์ และมาเลเซียเพื่อเพิ่มโอกาสการเพิ่มทรัพยากร ผ่านการจัดสรรรายจ่ายลงทุนจำนวน 191 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 6,304 ล้านบาท)




"ตั้งแต่ปี 2562เป็นต้นไป จะเห็นแผนกลยุทธ์ของ ปตท.สผ. ในเชิงรุกมากขึ้นโดยจะสร้างมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจบริหารต้นทุนการผลิตให้สามารถแข่งขันได้ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยจะให้ความสำคัญกับธุรกิจก๊าซธรรมชาติครบวงจร(Gas Value Chain) เช่นธุรกิจโรงไฟฟ้า (Gas to Power) รวมถึงการค้นหาธุรกิจใหม่อื่น ๆ เช่นธุรกิจที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (Robotics / AI) และพลังงานทางเลือก(Renewable Energy) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริษัทและสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน" นายพงศธร กล่าว 

logoline